ช่วงปีสองปีมานี้ กระแสอนิเมแฝดหกนรกสะเทิ้น (โอโซมัตสึซัง) ที่ญี่ปุ่นมาแรงเหลือเกิน (ล่าสุดก็จะสร้างเวอร์ชั่นหนังโรงแล้ว) ก็เลยอยากจะพูดถึงผลงานเก่าๆ เรื่ิองอื่นของ อ.อาคัตซึกะ ฟุจิโอะ ผู้เขียนแฝดหกกันบ้างครับ เพราะเอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ เรื่องแฝดหกนั้นถือเป็นผลงานของ อ.อาคัตสึกะที่คนไทยรู้จักน้อยสุดเลยนะ (เพราะไม่เคยมีใครเอาเข้ามาฉาย) แต่ถ้าพูดถึงเรื่องที่ดังที่สุดในบ้านเราล่ะก็ คงหนีไม่พ้นเรื่อง Himitsu no Akko-chan ซึ่งหากแปลตรงตัวก็จะแปลว่า ความลับของอั๊กโกะจัง แต่ตอนนั้นช่องเก้าเราตั้งชื่อไทยว่า หนูน้อยอั๊กโกะจัง ออกอากาศในช่วงเช้าเสาร์ อาทิตย์ (ถ้าผมจำไม่ผิด เพราะผมดูตอนเรียนพิเศษพอดี) และประสบความสำเร็จไม่น้อยทีเดียวครับ เพราะดูเหมือนว่าจะมีแฟนๆ (เพื่อนๆ ผมที่เรียนด้วยกัน) ติดตามชมอนิเมเรื่องนี้กันทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย
ทว่าก่อนอื่น อั๊กโกะเวอร์ชั่นที่ช่อง 9 การ์ตูนเอามาฉายบ้านเรานั้น ไม่ใช่อั๊กโกะเวอร์ชั่นดั้งเดิมแรกสุดนะครับ แต่เป็นอั๊กโกะเวอร์ชั่นที่สองแล้ว โดยอั๊กโกะเวอร์ชั่นแรกนั้นออกอากาศที่ญี่ปุ่นในปี 1969 ทางทีวีอาซาฮี มีความยาวถึง 94 ตอน ส่วนเวอร์ชั่นที่เราคุ้นตากันคือเวอร์ชั่น 1988 นั้น เป็นเวอร์ชั่นที่ออกอากาศทางฟูจิทีวี มีความยาว 61 ตอนครับ นอกจากนั้นยังมีเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ปี 1998 ความยาว 44 ตอน ฉายทางฟูจิทีวีออกมาอีกเวอร์ชั่นด้วย (เวอร์ชั่นนี้ ใช้ผู้กำกับเดียวกันกับเวอร์ชั่นสอง คือคุณ ชิบาตะ ฮิโรกิด้วย) อย่างไรก็ตาม ทั้งสามเวอร์ชั่นก็ล้วนแต่มีที่มาจากต้นฉบับคอมมิคของ อ.อาคัตซึกะ ฟุจิโอะ และดูแลการผลิตโดยโตเอะอนิเมชั่นทุกเวอร์ชั่นเลยครับ
อั๊กโกะเวอร์ชั่นแรกสุด (1969 – ทีวีอาซาฮี)
เรื่องราวของอั๊กโกะจังนั้น เป็นเรื่องของ คางามิ อัตสึโกะ (ชื่อเล่น อั๊กโกะ) เด็กประถมที่ร่าเริงแจ่มใส ไว้ผมทรงยุค 60 (ซึ่งแปลกใจมาก ที่ภาคหลัง ๆ ไม่ยักจะปรับเปลี่ยนทรงผมไปตามยุค) ตัวอั๊กโกะนั้นชื่นชอบกระจกมาก จนวันหนึ่ง เธอเผลอทำตลับกระจก (บางเวอร์ชั่นก็เรียกตลับแป้ง แต่จริงๆ มันก็คือกระจกแบบตลับที่สาวๆ พกกันน่ะแหละ) ที่เธอได้รับมาจากแม่แตก (ในอนิเมบางเวอร์ชั่นก็เปลี่ยนเป็นกระจกที่พ่อเธอเอามาฝากจากอินเดีย ซึ่งรายละเอียดของแต่ละเวอร์ชั่นจะแตกต่างกันบ้าง แต่โครงเรื่องหลักๆ จะคล้ายกันครับ)
ทว่าแทนที่เธอจะเอากระจกแตกไปทิ้งขยะแบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน เธอกลับนำกระจกมาฝังในสวนเพราะเธอรักกระจกนี้มาก ซึ่งนั่นทำให้เทพธิดาแห่งโลกกระจกเล็งเห็นความรักที่เธอมีต่อกระจก จึงได้มอบตลับกระจกวิเศษให้กับอั๊กโกะ ซึ่งตลับกระจกนี้เองที่ทำให้เธอสามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้ (ถึงได้ใช้ชื่อเรื่องว่า ความลับของอั๊กโกะจังไงล่ะ) ซึ่งพอถึงตอนนี้ เนื้อเรื่องก็เข้าสูตรอนิเมแนวสาวน้อยเวทมนตร์ยุคคลาสสิคที่เราคุ้นเคยกันแล้วล่ะครับ ที่อั๊กโกะจะใช้กระจกแปลงร่างเพื่อแก้ปัญหาบ้าง สร้างความวุ่นายบ้าง แต่ไม่ได้แปลงร่างไปต่อสู้ต่อยตีกับสัตว์ประหลาดที่ไหนเหมือนสาวน้อยเวทมนตร์ยุคใหม่หรอกนะ…
อั๊กโกะเวอร์ชั่นที่ 2 (1988 – ฟูจิทีวี) เป็นเวอร์ชั่นที่คุ้นตาคนไทยที่สุด ทรงผมทรงเดิม แต่เสื้อผ้าเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และสีผมจะออกมาในโทนม่วง
และด้วยการที่อั๊กโกะจัง เป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่เดินเรื่องด้วยการให้เด็กผู้หญิงแปลงร่างด้วยอุปกรณ์วิเศษ และมีการร่ายคาถาด้วย ซึ่งจุดนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของการ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์ยุคหลังๆ Himitsu no Akko-chan จึงถูกยกให้เป็นการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์เรื่องแรกของญี่ปุ่นไปโดยปริยาย ทว่าประเด็นนี้ หลายๆ คนอาจจะสับสนอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้ อนิเมเรื่องแม่มดน้อยแซลลี่ได้ออกฉายปี 1966 ในยุคทีวีขาวดำ แต่อั๊กโกะจังเวอร์ชั่นแรก(ทีวีอาซาฮี) กลับออกฉายปี 1969 ซึ่งตอนนั้นก็เป็นยุคทีวีสีแล้ว แต่ทำไมไม่นับแม่มดน้อยแซลลี่เป็นเรื่องแรกล่ะ
ปกเวอร์ชั่นคอมมิคกับลายเส้นดั้งเดิมของ อ.อาคัตซึกะ (1962)
คืออย่างนี้ครับ อนิเมของอั๊กโกะจังฉายหลังแซลลี่จริงๆ นั่นแหละ แต่แซลลี่นั้นสร้างจากหนังสือการ์ตูนที่เขียนขึ้นในปี 1966 โดย อ.มิตสึเทรุ โยโกยามะ (ผู้เขียนหุ่นเหล็กหลายเลข 28 บิดาแห่งการ์ตูนหุ่นยักษ์ กับสามก๊กฉบับคอมมิคที่ยาว 60 เล่มนั่นแหละครับ) ส่วนอั๊กโกะนั้นเขียนมาตั้งแต่ปี 1962 โน่นเลย (ชูเอย์ฉะ 3 เล่มจบ) สรุปง่ายๆ ก็คือ การ์ตูนเรื่องอั๊กโกะจังนั้นถือกำเนิดขึ้นมาก่อนในรูปแบบคอมมิค ก็เลยถือว่าอั๊กโกะจังเป็นสาวน้อยเวทมนตร์คนแรกของญี่ปุ่นไปโดยปริยาย ถึงแม้ว่าจะสร้างเป็นอนิเมหลังแซลลี่ก็ตาม (แต่บางคน ก็นับเอา เจ้าหญิงอัศวิน ของ เท็ตสึกะ โอซามุ เป็นเรื่องแรกก็มีอยู่เหมือนกัน)
อั๊กโกะเวอร์ชั่น 3 (1998-ฟูจิทีวี) คล้ายเวอร์ชั่น 2 (ผู้กำกับคนเดียวกัน) แต่กระโปรงเป็นสีชมพู
จุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจในอนิเมเรื่องนี้ ก็คือการออกแบบตัวละคร ซึ่งคาแรกเตอร์ของ อ.อาคัตซึกะนั้น ก็จะมาแบบเน้นฮาอยู่แล้ว (นึกถึงแฝดหกสิครับ) พอมาเรื่องนี้ก็เลยยิ่งออกมาฮาเข้าไปอีก เพราะปกติแล้วการ์ตูนแนวส่วนใหญ่นี้มักจะเดินเรื่องในกลุ่มเพื่อนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่อั๊กโกะจังนั้นมีตัวละครที่เยอะมากแถมยังมีหลากหลายกลุ่มอายุ ตั้งแต่โมโกะที่เป็นเพื่อนสนิท ไทโชเด็กเกเร ไปจนถึงแก๊งเด็กเล็ก เด็กอนุบาล ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เนื่อเรื่องของอั๊กโกะมีความหลากหลาย หนักไปทางตลก และไม่ได้อิงกับเรื่องราวความรักเหมือนกับอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์ในยุคหลัง (เอาง่ายๆ เรื่องนี้มีใครหล่อบ้างล่ะ..ไม่สิ ในภาคสองเหมือนมีอยู่คนนึงนะ แม้จะไม่ใช่ตัวเด่นก็เถอะ)
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ เพลงเปิดของอั๊กโกะไม่ว่าจะภาคไหนก็จะใช้เพลงเปิดเดียวกันหมด แต่จะปรับเปลี่ยนจังหวะเพลงไปตามยุคสมัย (กรณีเดียวกับเพลงเปิดคิวตี้ฮันนี่นั่นแหละครับ) แต่เพลงปิดนั้นจะแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนตัวผมชอบเพลงปิดของเวอร์ชั่นอนิเมปี 1988 มาก เพราะนอกจากจะติดหูฟังสนุกแล้วยังมีการล้อภาพยนตร์ดังๆ ในยุค 80 อย่างสตาร์วอร์ ท็อปกัน โรโบคอป ด้วย ซึ่งจะว่าไปเพราะเพลงปิดนี่แหละครับ ที่่ทำให้ผมรู้สึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ดูไม่ค่อยเป็นการ์ตูนผู้หญิงเท่าไหร่ เพราะปกติเพลงการ์ตูนผู้หญิงๆ นี่จะหวานๆ แต่นี่มาแบบห้าวๆ ป็อปๆ มาเลย
และนอกจากอนิเมอั๊กโกะทั้ง 3 ภาคแล้ว ยังมีอั๊กโกะจังเวอร์ชั่นภาพยนตร์คนแสดงในปี 2012 ด้วย โดยตัวคนที่แสดงเป็นอั๊กโกะนั้นก็คือ อายาเสะ ฮารุกะ นักแสดงชื่อดัง เพียงแต่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้อั๊กโกะจะเป็นสาวออฟฟิศอายุ 22 ปีแล้ว แถมมีเรื่องราวความรักมาเกี่ยวข้องด้วย ก็ถือว่าแปลกแหวกแนวดีทีเดียวครับ เสียดายที่หาดูยากไปนิด เพราะไม่มีใครเอาเข้ามาฉายบ้านเรา (ปกติก็ไม่ค่อยมีใครเอาหนังโรงญี่ปุ่นมาฉายบ้านเราอยู่แล้ว อันนี้ทำใจได้เลย)
แต่ล่าสุด เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการเขียนคอมมิคอั๊กโกะจังภาคใหม่ออกมาด้วย โดยใช้ชื่อว่า Himitsu no Akko-chan μ (มิว) เป็นการ์ตูนออนไลน์ในเวบไซต์ comip! แต่งโดย อ.อิซาวะ ฮิโรชิ และวาดโดย อ.คามิคิตะ ฟุตาโกะ (ก่อนนี้เขียนคอมมิคพรีเคียวมาหลายภาคมาก) ลายเส้นก็จะมาสไตล์การ์ตูนเด็กผู้หญิงหน่อยๆ แต่ก็ดูน่าสนใจดีครับ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครซื้อลิขสิทธิ์มาให้อ่านกันหรือเปล่า เพราะการ์ตูนเด็กผู้หญิงแบบนี้ค่อนข้างขายยากในบ้านเรา ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปครับ
หมายเหตุ บทความนี้เคยเขียนลงนิตยสารเซนชูเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ผมเอามาเขียนและเรียบเรียงใหม่ทั้งหมด และปรับเนื้อหาใหม่ให้เป็นปัจจุบันขึ้นครับ