ถ้าพูดถึงการ์ตูนที่คนอ่านต้องลุ้นกันว่า จะได้อ่านกันจนจบหรือเปล่า ชื่อแรกๆ ที่หลายๆ คนต้องนึกถึง คงมีเรื่อง Hunter x Hunter ผลงานของ อ.โทงาชิ โยชิฮิโระ ด้วยแน่ๆ เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 1998 จนถึงบัดนี้ 20 ปีผ่านไปแล้ว ออกรวมเล่มได้แค่ 35 เล่ม เฉลี่ยปีละไม่ถึง 2 เล่ม ทั้งที่เป็นการ์ตูนในโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ แต่คนเขียนงดบ่อยจนกลายเป็นรายสะดวก แถมเพื่อนร่วมรุ่นต่างก็ทยอยจบกันไปหมดแล้ว (เหลือรุ่นเดียวกันก็แค่วันพีชเรื่องเดียวแล้วตอนนี้) แต่ว่าเราจะยังไม่พูดถึง Hunter x Hunter กันหรอกนะครับ แต่จะพูดถึงผลงานอีกเรื่องที่ทำให้ อ.โทงาชิ โด่งดังสุดๆ ซึ่งก็คือเรื่อง Yu Yu Hakusho นั่นเอง
Yu Yu Hakusho เป็นการ์ตูนที่ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ในปี 1990-1994 เรื่องราวเกี่ยวกับ อุราเมชิ ยูสึเกะ ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนจอมเกเร ชอบโดดเรียน ทะเลาะวิวาท แต่ดันตายเพราะไปช่วยชีวิตเด็กจากอุบัติเหตุ ทว่าโบตั๋น ยมทูตสาวสวยผู้คอยนำดวงวิญญาณมนุษย์ไปสู่ยมโลก ได้ยื่นข้อเสนอให้ยูสึเกะ กลับมาโฮมสเตย์ เอ๊ยไม่ใช่ ให้ทำหน้าที่เป็น “นักสืบโลกวิญญาณ” คอยไขคดีที่พวกภูตผีปีศาจคอยสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คน จนทำให้ยูสึเกะได้พบพานกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย รวมถึงชะตากรรมที่นำพาเขาไปสู่ชาติกำเนิดที่แท้จริงด้วย
เนื้อเรื่องของ Yu Yu Hakusho นั้นแบ่งออกเป็นหลายภาค ซึ่งภาพแรกนั้นจะเกี่ยวข้องกับการเป็นนักสืบโลกวิญญาณ ที่ยูสึเกะจะได้พบกับพรรคพวกที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายกันไปจนจบเรื่องอย่าง คุวาบาระ คุราม่า และ ฮิเอย์ (ตอนนั้นสาวๆ กรี๊ดคุราม่า กับฮิเอย์กันมาก ได้รับความนิยมยิ่งกว่าตัวเอกอย่างยูสึเกะอีก) และยูสึเกะก็ได้ฝึกฝนท่าไม้ตายกระสุนวิญญาณ ซึ่งจะเป็นการยิงกระสุนพลังวิญญาณออกจากนิ้วมือ (ต่อมาท่านี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายที่เท่ที่สุดในโลกการ์ตูนท่าหนึ่ง) จนมาถึงภาคงานประลองโลกมืด ที่กลายเป็นภาคที่โด่งดังสุดๆ เพราะเป็นภาคงานประลองด้วยท่าไม้ตายที่กลายเป็นต้นแบบให้กับการ์ตูนแนวประลองต่อสู้ในยุคหลังอีกหลายเรื่อง
นอกจากนี้ เนื้อหาในภาคงานประลองโลกมืดนี้ยังถูกทำออกมาเป็นเกมซูเปอร์แฟมิค่อมที่มีระบบการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่โด่งดังมากๆ ถึงขนาดที่ว่าในยุค 90 ตอนต้น เวลาไปร้านเกมร้านไหนก็จะเห็นเด็กๆ เล่นเกมนี้กันเต็มร้านไปหมด กลายเป็นเกมฮิตบนเครื่องซูเปอร์แฟมิค่อมที่มาแรงต่อจากสตรีทไฟเตอร์ 2 ในยุคนั้นเลยทีเดียว ใครไปร้านเกมช่วงนั้น หากไม่เห็นเล่นสตรีทไฟเตอร์ ก็จะเห็นยูยูนี่แหละที่กลายเป็นเกมยอดฮิตประจำร้านที่ต้องต่อคิวกันเล่น แม้ว่าเด็กๆ ในยุคนั้นจะอ่านญี่ปุ่นกันไม่ออกแต่ก็ดำน้ำกันจนจบเกมได้..เก่งไหมล่ะ
นอกจากภาคนักสืบโลกวิญญาณ และภาคงานประลองแล้ว เนื้อเรื่องอีกสองภาคก็คือภาคโลกสีดำและภาคสามราชาโลกปีศาจนั้นก็มีความเข้มข้นไม่ยิ่งหย่อนกัน โดยเฉพาะการเฉลยถึงความเป็นมาของตัวละครต่างๆ ซึ่งผลงานเรื่องนี้ได้ผูกเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างมีเสน่ห์ และกลายเป็นที่จดจำของแฟนๆ เป็นอย่างดีทีเดียว
หนังสือการ์ตูน YUYU HAKUSHO สามารถทำยอดขายรวมเล่มในญี่ปุ่นไปได้ถึง 49 ล้านเล่ม ซึ่งอาจจะน้อยกว่า Hunter X Hunter ที่ทำยอดขายไปได้มากกว่า 66 ล้านเล่ม (เป็นเหตุผลให้จัมป์ไม่ยอมตัดจบเรื่องนี้เสียที) แต่อย่าลืมว่า YUYU HAKUSHO มีรวมเล่มแค่ 19 เล่มจบเองนะครับ และมีระยะเวลาการตีพิมพ์นานแค่ 4 ปีเท่านั้น (ซึ่งผิดวิสัยการ์ตูนฮิตมาก เพราะการ์ตูนฮิตส่วนใหญ่ บก.จะสั่งให้ลากยาวไปเรื่อยๆ) ส่วน Hunter X Hunter นั้นมีรวมเล่มมากถึง 35 เล่ม ตีพิมพ์นานกว่า 20 ปี(และยังไม่จบด้วย) ซึ่งหากเทียบกับตอนที่ YUYU HAKUSHO โด่งดังนั้น สามารถเรียกได้ว่ากระแส YUYU HAKUSHO ครองเมืองทั้งไทยและญี่ปุ่นจริงๆ เพราะนอกจากจะได้กลุ่มแฟนการ์ตูนผู้ชายแล้ว คาแรกเตอร์หนุ่มหน้าสวยอย่างคุราม่านั้นก็กวาดคะแนนนิยมจากสาวๆ ไปได้เป็นกระบุงโกยเลยครับ (สมัยนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นสาวๆ อ่านการ์ตูนผู้ชายกันจนเป็นเรื่องปกติ แต่ในยุคนั้นยังแปลกๆ อยู่นะครับ เรียกได้ว่า YUYU HAKUSHO เป็นการ์ตูนผู้ชายที่สาวๆ อ่านกันเยอะเรื่องแรกๆ เลยล่ะ)
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การแย่งชิงชื่อไทยของการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ตีพิมพ์และโด่งดังในบ้านเราในยุคก่อนการ์ตูนลิขสิทธิ์จะเริ่มต้น ทำให้มีหลายสำนักพิมพ์แย่งกันตีพิมพ์เรื่องนี้ในชื่อภาษาไทยที่แตกต่างกัน แต่ทุกค่ายก็มีคีย์เวิร์ดที่คล้ายๆ กันคือคำว่า “คนเก่ง” ตั้งแต่ชื่อที่โด่งดังที่สุด คือ คนเก่งฟ้าประทาน จากค่ายอนิเมท(หรือทีวีแมกกาซีนในปัจจุบัน) คนเก่งทะลุโลก คนผีทะลุโลก ผีไม่ใช่ผี ฯลฯ ซึ่งตอนที่เรื่องนี้ฉายช่อง 9 และวีซีดีของไรท์บียอนด์จะใช้ชื่อเรื่องว่า “คนเก่งฟ้าประทาน” ส่วนฉบับคอมมิคลิขสิทธิ์จะใช้ชื่อ “คนเก่งทะลุโลก” ครับ แต่ชื่อญี่ปุ่นถ้าแปลจริงๆ จะแปลได้ประมาณว่าสมุดปกขาววิญญาณ ซึ่งเท่าที่จำได้ ไม่มีใครแปลชื่อไทยออกมาใกล้เคียงกับชื่อญี่ปุ่นเลย
เอาเป็นว่า ถ้าพูดถึง “คนเก่ง” ก็เป็นที่รู้กันว่าหมายถึงการ์ตูนเรื่องนี้นั่นแหละ…
(บทความนี้ เคยตีพิมพ์ในนิตยสารเซนชูแมกกาซีนเมื่อนานมาแล้ว แต่นำกลับมาเรียบเรียงเขียนใหม่และปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น)