ในช่วงยุค 80 นอกจากการ์ตูนแนวหุ่นยนต์ที่กำลังบูมได้ที่แล้ว การ์ตูนอีกแนวหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมสูงในยุคนั้นก็คือ แนวฮีโร่สวมเกราะ ซึ่งกระแสนี้เริ่มมาจากความโด่งดังของการ์ตูนชุดเซนต์เซย่าของโตเอะ ตามติดมาด้วยห้าหนุ่มบอยแบนด์ซามูไรทรูปเปอร์ของซันไรส์ และอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมไล่หลังกันมาก็คือ Tenkū Senki Shurato ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด เรื่องนี้ใช้ชื่อภาษาไทยว่า ศึกเทพสวรรค์ชูราโตะครับ
ชูราโตะ นั้น น่าจะเป็น Media Mix ที่หนังสือการ์ตูนกับอนิเมเดินไปพร้อมกันในยุคแรกๆ โดยตัวคอมมิคนั้นเริ่มตีพิมพ์ก่อนที่ญี่ปุ่นในเดือนมกราคมปี 1988 และมีความยาวเพียงแค่ 2 เล่มจบเท่านั้น (สมัยก่อนเคยมีตีพิมพ์ในบ้านเราในรูปแบบไพเรทอยู่เหมือนกัน) ส่วนเวอร์ชั่นอนิเมนั้นออกอากาศตามมาทางทีวีโตเกียว เมื่อวันที่ 6 เมษายน ปี 1989 ส่วนบ้านเรานั้นนำมาออกอากาศทางช่อง 3 เนื่องจากช่วงนั้น ช่อง 3 กำลังทำตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นแข่งกับช่อง 9 โดยมีขุมกำลังหลักอย่างเซนต์เซย่าที่ดังเป็นพลุแตก (ในช่วงแรกๆ กระแสเซย่าในบ้านเราแรงกว่าดราก้อนบอลนะครับ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เซย่าหยุดฉายทางโทรทัศน์ไป กระแสดราก้อนบอลเลยแซงคืน แล้วพอมาภาค Z ก็แซงไปไกลเลย)
ซึ่งเรื่องชูราโตะนี้ก็เหมือนว่าทางช่อง 3 จะเลือกเอามาต่อกระแสของเซย่า เพราะเป็นแนวฮีโร่ใส่เกราะ และอิงตำนานเทพเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เซย่านั้นเป็นตำนานเทพกรีกฯ ในขณะที่ชูราโตะเป็นตำนานเทพพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งบ้านเรามีคนนับถืออยู่ การเรียกชื่อในเรื่องส่วนใหญ่ก็เลยจะถอดมาจากญี่ปุ่นตรงๆ ไม่แปลกลับไปเป็นชื่อเทพฯ ที่เรารู้จักกันดี เพราะกลัวจะมีปัญหาเรื่องศาสนาเข้ามาแทรก ทำให้สมัยเด็กๆ ผมดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกงงๆ ในชื่อตัวละครพอสมควร
จุดเริ่มของชูราโตะก็มีอยู่ว่า ในศึกการประลองยุทธระหว่างสองเพื่อนสนิท ฮิดากะ ชูราโตะ และ คุโรกิ ไก ซึ่งทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนรักและสหายประลองยุทธที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก จนในที่สุดก็ถึงการตัดสินของทั้งสอง ทว่าขณะที่ทั้งสองสู้กันอยู่นั้น ก็ปรากฏมีแสงสว่างพุ่งสาดลงมาจากฟากฟ้าอาบร่างของเขาไว้ ก่อนที่จะพาชูราโตะไปยังโลกต่างมิติที่รู้ภายหลังว่า นั่นคือแดนสวรรค์เท็นคูไค ซึ่งปกครองโดยเทวีวิชนุ (ซึ่งก็คือพระวิษณุนั่นเอง แต่ในเรื่องนี้เป็นเพศหญิง) และพบกับเด็กสาวน่ารักนามวา ลาคุชู ที่กำลังปลุกเขาให้ตื่นขึ้นด้วยการจูบ! (ซึ่ง ลาคุชู นั้น พอตรวจสอบข้อมูลแล้ว น่าจะหมายถึง พระลักษมี เทพีในศาสนาฮินดูครับ) และชูราโตะก็พบว่า ในมือของเขานั้นกำลังถือวัตถุลึกลับที่มีลักษณะคล้ายกับสิงโตอยู่ ซึ่งยังไม่ทันที่เขาจะทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดีพอ ชูราโตะก็ถูกจู่โจม โดยคนที่เป็นเพื่อนรักของเขา ไก ทว่าไกกลับสวมชุดเกราะประหลาด และเข้าโจมตีใส่เขาอย่างหนักหน่วงราวกลับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ทว่าก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลง ลาคูชูก็บอกให้ชูราโตะนั้น “สวมเกราะ” ด้วยการท่องคาถา “โอม ชูร่า โซวากะ” และวัตถุลึกลับรูปสิงโตนั้นก็กลายเป็นชุดเกราะสีขาวสวมใส่ร่างกายของเขา พร้อมกับ “วัชระ” ที่กลายเป็นอาวุธประจำกาย และเขาก็ได้พบว่า ตัวเขานั้นเป็นหนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งเทนคูไค ผู้กลับชาติมาเกิด เขาจึงได้เข้าพบกับท่านวิชนุ แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลงเมื่อเทวีวิชนุกลับถุก “อินดร้า” (อินทรา หรือ พระอินทร์ ซึ่งแท้จริงเป็นคนของเผ่าอาชูร่าแฝงตัวมา) สาปให้กลายเป็นหิน และใส่ความชูราโตะ กับ ฮิวงะ 1 ใน 8 นักรบอีกคนหนึ่งว่าเป็นคนร้าย ซึ่งเป็นแผนที่ต้องการให้เทพพิทักษ์ทั้ง 8 ห้ำหั่นกันเอง ในขณะที่ไกซึ่งเป็น 1 ใน 8 เทพเช่นกันนั้น ก็ได้เข้าพวกไปกับเผ่าอาชูร่าแล้ว
ชูราโตะและฮิวงะจึงต้องหลบหนีออกมาจากเทนคูไค พร้อมกับพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงกับเหล่าเทพพิทักษ์ที่เหลือ ว่าตนนั้นไม่ใช่คนที่ทำให้วิชนุกลายเป็นหิน แต่เป็นอินดร้าต่างหาก ซึ่งก็มีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ แต่ชูราโตะก็พยายามที่จะรวบรวมเหล่า 8 เทพพิทักษ์ขึ้นมาใหม่ เพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายของอินดร้าและเผ่าอาชูร่า (ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงก็คือ ชิวา หรือ ศิวะ เทพแห่งการทำลายล้างที่เคยถูกวิชนุผนึกไว้เมื่อ 1 หมื่นปีก่อน) ทำให้วิชนุหายจากคำสาป และที่สำคัญก็คือ ทำให้ไกเพื่อนรักของเขา กลับเป็นคนเดิมให้ได้
ซึ่งเรื่องราวของชูราโตะนั้นก็ถือได้ว่า เข้มข้นและสนุกสมกับเป็นการ์ตูนระดับท็อปในยุคนั้น ขนาดที่ว่าตอนจัดอันดับรางวัลอนิเมกรังปรีซ์ในยุคนั้น ชูราโตะและหนุ่มๆ ในเรื่องนี้แทบจะกวาดรางวัลมาหมดแถวเลย ถ้าเทียบกับสมัยนี้ ก็คงประมาณ SAO เลยล่ะ เพราะชูราโตะแม้จะไม่ยาวมากแต่ก็ดังต่อเนื่องยาวนานอยู่หลายปีอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ในยุคนั้นอนิเมดังในระดับเดียวกันนั้นมีอยู่หลายเรื่อง และเอาจริงๆ ถ้าเทียบกับฐานแฟนๆ ของเซนต์เซย่าและซามูไรทรูปเปอร์แล้ว ชูราโตะถือได้ว่าเฉพาะกลุ่มกว่ามาก เนื่องจากเซย่านั้นยังมีฐานจากคอมมิคที่แน่นปึ้ก ซามูไรทรูปเปอร์เองเอาจริงๆ ก็ยังอิงตลาดเด็กอยู่พอสมควร คือทำออกมาค่อนข้างดูเข้าใจง่าย แต่ชูราโตะนั้นจะออกไปทางกลุ่มวัยรุ่นซึ่งออกจะโดนใจแฟนอนิเมแบบฮาร์ดคอร์ในยุคนั้นมากกว่า โดยเฉพาะสาวๆ ซึ่งจะเห็นได้เลยว่า เรื่องนี้ตัวละครออกไปในสไตล์หนุ่มหน้าสวยกันเยอะ จำได้ว่าสมัยนั้นโดจินของชูราโตะออกมาเยอะมาก คอสเพลย์ก็เยอะ (แต่ตัวผมเองยุคนั้นยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า โดจินคืออะไร คอสเพลย์คืออะไร เพราะยังเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับบ้านเรา และสื่อเกี่ยวกับการ์ตูนในบ้านเราสมัยนั้นยังออกไปในทางการ์ตูนเด็กเสียมากกว่า)
ชูราโตะผลิตโดยสตูดิโอทัตสึโนโกะ หนึ่งในสตูดิโออนิเมเก่าแก่ชื่อดังของญี่ปุ่น มีความยาวทั้งหมด 38 ตอน และมี OVA ออกมาอีก 1 ภาค (6 ตอน) ในช่วงปี 1991-1992 ซึ่งก็ถือว่าน้อยไปนิดถ้าเทียบกับอนิเมร่วมสมัยเดียวกันอย่างเซนต์เซย่าหรือซามูไรทรูปเปอร์ (ยังเซย่านี่จนถึงตอนนี้ก็ยังมีภาคใหม่ออกมาอีกเรื่อยๆ) แต่ก็อย่างที่เราทราบกันนั่นแหละครับว่า กระแสอนิเมในช่วงนั้นพลิกผันกันเร็วมาก พอเข้าสู่ยุค 90 วงการอนิเมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กระแสอนิเมแนวหุ่นยนต์แบบ SD (วาตารุ กรานโซท รามุเนส) เริ่มเข้ามาแทนที่อนิเมกระแสหลักแบบเดิม ๆ อนิเมกลุ่มวัยรุ่นเริ่มมีจำนวนมากขึ้น แม้ชูราโตะจะมีช่วงเวลาอยู่ในกระแสความนิยมได้ไม่นานนัก แต่ในช่วงยุคสมัยหนึ่ง ชูราโตะก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในท็อปไฟว์ของวงการอนิเมที่ใครๆ ก็ต้องพูดถึง และจนถึงตอนนี้ก็ยังมีหลายๆ คนที่อยากเห็นซีรี่ส์ชุดนี้ถูกนำกลับมาสานต่อเหมือนการ์ตูนฮิตอีกหลายๆ เรื่องในยุคเดียวกัน แต่ก็ยอมรับครับว่า ยากมากจริงๆ…
ปล.บทความนี้ เคยเขียนลงนิตยสารเซนชูเมื่อหลายปีก่อน แต่ผมเอามาเขียนปรับแก้ใหม่ และอัพเดทเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันขึ้นครับ