ไปงานหนังสือเมืองทองมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากที่หลายฝ่ายหวาดกลัวกับการย้ายสถานที่จัดงานหนังสือไปเมืองทอง ในที่สุด งานหนังสือที่เมืองทอง หรือชื่อทางการ มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 24 ก็ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้วครับ

แน่นอนครับว่า การย้ายงานหนังสือมาไว้ที่เมืองทองเป็นครั้งแรก ย่อมมีเหตุขลุกขลักมากมาย มีทั้งเสียงด่าและเสียงชม ซึ่งเสียงด่านั้น ผมได้ยินมาตั้งแต่วันจัดบูธ เรื่องจุดโหลดของ ซึ่งมีระบบต่างจากที่ศูนย์ประชุมฯ ที่ทำให้หลายบูธต้องเข้าคิวโหลดของกัน จนจัดบูธได้ล่าช้า แต่นั่นก็ไม่เท่ากับปัญหาเรื่องการจราจร ที่ค่อนข้างติดขัดหนักในวันเสาร์และอาทิตย์

บูธบงกช ขวัญใจสาวๆ แค่ก็มีผู้ชายมาดูกันเยอะนะ

ซึ่งเรื่องการจราจรที่ติดขัดนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ถนนเส้นแจ้งวัฒนะกำลังอยู่ในระหว่างการสร้างรถไฟฟ้า ทำให้ตรงถนนแจ้งวัฒนะค่อนข้างติดขัด แต่ตัวผมขอยืนยันครับว่า ตอนนี้การจราจรดีกว่าเดิมเยอะ เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ถ้ามาสัก 2-3 อาทิตย์ก่อน บอกเลยว่า สาหัสกว่านี้เยอะครับ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องจำยอมจริงๆ เพราะงานมันชนกันเยอะมาก แต่ขนาดงานชนกัน ยังมีฮอลล์เหลืออีกนะ ซึ่งถ้าเป็นงานที่จัดเต็มพื้นที่อย่างมอเตอร์โชว์หรือ OTOP คนจะเยอะมหาศาลกว่านี้อีก

วันธรรมดา คนก็ยังเยอะ แต่พื้นที่ระหว่างบูธกว้างขึ้น เลยเดินสบายขึ้น

ส่วนภายในงานนั้น พูดกันตามตรงก็คือ สนพ.มากันไม่ครบ ดูเหมือนว่ารายย่อยบางรายจะไม่มา แต่รายใหญ่มากันครบครับ และหลาย สนพ.ก็ได้บูธใหญ่ขึ้นด้วย แต่ยังเดินได้อย่างสบายๆ เพราะพื้นที่ระหว่างบูธค่อนข้างกว้าง เนื่องจากฮอลล์ที่ใช้จัดงานนั้น คืออาคารชาเจนเจอร์ ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สร้างแบบไม่มีเสากลางที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงมีพื้นที่ค่อนข้างเหลือเฟือ สามารถจัดเอาทุกบูธมาไว้รวมกันเป็นโซนเดียวได้ ซึ่งตรงนี้คนที่ชอบก็จะรู้สึกว่า สามารถเดินทั่วได้หมด แต่คนที่ไม่ชอบก็มี เพราะหาบูธที่อยากไปไม่เจอ หากเป็นที่เก่า บูธใหญ่ๆ จะอยู่ที่เดิม แบ่งเป็นโซนๆ ชัดเจน หลับตาเดินยังได้ แต่งานนี้เปลี่ยนตำแหน่งกันใหม่หมด เลยอาจจะงงๆ หน่อย

กลุ่มเด็กๆ และวัยรุ่นลดลง แต่ก็ยังมีคนหนาแน่นพอสมควร โดยเฉพาะในโซน Book Wonderland

กลุ่มเป้าหมายก็เช่นกันครับ จากข้อสังเกตส่วนตัว ผมรู้สึกว่า งานรอบนี้กลุ่มครอบครัวมากันเยอะ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของอิมแพคอยู่แล้วครับ หลายๆ คนไม่ได้เจาะจงมางานหนังสือโดยตรง แต่มางานเดอะมอลล์ งานแม่และเด็ก งานจักรยาน แล้วต่อเนื่องมางานหนังสืออีกที หลายๆ คนก็เป็นลูกค้าหน้าใหม่ ที่อาจจะเป็นคนในพื้นที่ หรือคนที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตอนบน ที่คุ้นเคยกับการมาอิมแพคอยู่แล้ว (เฉพาะคนที่พักอาศัยในเมืองทอง ก็เกินแสนแล้วครับ) แต่ก็มีส่วนที่หายไปคือ ส่วนที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มคนทำงานออฟฟิศติดรถไฟฟ้า ที่เคยไปงานหนังสือที่ศูนย์ประชุมฯ หลังเลิกงานอาจจะไม่สะดวกในการเดินทางมากนัก สังเกตเลยว่าบูธการ์ตูนมีคนน้อยลง หางแถวสั้นลงเมื่อเทียบกับงานเดิม ซึ่งบางสำนักพิมพ์ก็แก้ปัญหาโดยการไปเพิ่มช่องทางขายออนไลน์มากขึ้น

ด้านบรรยากาศในงานนั้น ถ้าพูดกันตามตรงก็คือ ดูดีกว่าที่เดิมเยอะ แน่นอนครับว่าอาคารชาเจนเจอร์ เป็นอาคารเพดานสูง จัดแสงสว่างให้ดูโปร่ง เน้นโทนขาว ไม่ได้มีบรรยากาศแออัดยัดเยียด ตัวนิทรรศการย้ายไปจัดนอกฮอลล์ซึ่งก็ใหญ่โตและดูดี มีลูกเล่น QR Code ให้เดินสะสมแต้ม(แบบ Walk Rally) และที่เห็นตรงกันก็คือ อาหารที่นี่อร่อยครับ ลืมรสชาติข้าวกล่องสุดชืดของศูนย์ประชุมไปได้เลย ที่นี่มีร้านอาหารเยอะ ตั้งแต่ถูกยันแพง ร้านกาแฟก็เยอะ กลางงานก็มี แถมยังมีร้านอาหารแฟรนไชส์จากต่างประเทศที่หากินที่อื่นไม่ได้ด้วยครับ ส่วนห้องน้ำก็ถือว่าดี และมีเยอะมาก รถเข็นก็มีให้ใช้ ไปรษณีย์ เคอร์รี่ มีครบ ต้องยอมรับครับว่าในส่วน facilities ที่นี่กินขาด

ศูนย์ประชุมฯ ตอนนี้เริ่มรื้อถอนแล้วครับ

ส่วนใครที่สงสัยว่าทำไมย้ายมาจัดงานที่นี่ ก็บอกกันอีกครั้งว่า ที่ศูนย์ประชุมเดิมนั้นปิดปรับปรุงนะครับ และตอนนี้ก็เริ่มทุบตัวอาคารกันแล้วด้วย คิดว่าน่าจะ 2-3 ปีถึงจะแล้วเสร็จ แต่ถึงตอนนั้น รถไฟฟ้าเข้าเมืองทองก็คงเสร็จแล้ว (เจ้าของ BTS คือ คีรี กาญจนพาสน์ เป็นพี่น้องกับ อนันต์ กาญจนพาสน์ เจ้าของเมืองทอง และ นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล ที่ทำรถไฟฟ้าสายสีชมพู ก็เป็นบริษัทลูกของ BTS ครับ) ซึ่งถึงตอนนั้น เขาคงพิจารณากันอีกทีว่าจะเอายังไงกับงานหนังสือดี แต่ตอนนี้ก็ไปเดินอิมแพคกันก่อนนะ