ในบรรดาอนิเมที่มีอยู่มากมายใน Netflix มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่ใช่ผลงานของจิบลิ แต่แฟนๆ จิบลิควรหามาดูอย่างยิ่ง นั่นก็คือ Lupin the Third: The Castle of Cagliostro อนิเมปี 1979
สำหรับคอการ์ตูนบ้านเรา Lupin the Third อาจจะไม่ใช่ชื่อที่ถูกพูดถึงบ่อยนัก แต่การ์ตูนที่ Monkey Punch เขียนมาตั้งแต่ปี 1967 เรื่องนี้กลับประสบความสำเร็จสูงมากทั้งในญี่ปุ่นและยุโรป ถึงขนาดที่ว่าทุกวันนี้ก็ยังคงมีตอนใหม่ หนังโรง และตอนพิเศษทางทีวีออกมาให้ดูกันเรื่อยๆ แต่สำหรับ Lupin the Third: The Castle of Cagliostro นั้นจะแตกต่างจากภาคอื่นตรงที่ อนิเมเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับชอง มิยาซากิ ฮายาโอะ ผู้ให้กำเนิดสตูดิโอจิบลินั่นเองครับ แถมยังเป็นผลงานกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกก่อนที่จะก่อตั้งสตูดิโอจิบลิด้วย
สำหรับเนื้อเรื่องคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ว่า อัลเซ่น ลูแปงที่ 3 (จริงๆ คืออาร์แซน แต่ฉบับไทยบางเวอร์ชั่นแปลเป็น อัลเซ่น ) หลานชายของจอมโจรชื่อดัง อาร์แซน ลูแปง กับจิเก็นคู่หู และโกเอม่อนออกเดินทางเพื่อจัดการขบวนการทำแบงก์ปลอม ณ ป้อมปราการของเคานต์แห่งคากริออสโทร ที่นั่นลูแปงได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังถูกไล่ล่า และเขาก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือคลาริส เจ้าหญิงแห่งคากริออสโทร ที่กำลังจะถูกบังคับให้แต่งงานกับเคานต์ลาซาเร่แห่งคากริออสโทร ทว่าเรื่องราวเหล่านี้กลับมีเบื้องหลังบางอย่างแอบแฝงอยู่
ถ้าใครได้ชมอนิเมเรื่องนี้จะรู้สึกได้เลยว่า มันเป็นผลงานที่ให้อารมณ์แบบจิบลิสูงมาก แน่นอนครับว่านี่คือผลงานที่เป็นจุดเริ่มต้นของผู้กำกับที่ต่อมาจะกลายเป็นตำนานแห่งวงการภาพยนตร์อนิเมชั่นอย่างมิยาซากิ ฮายาโอะ แต่เอาจริงๆ ตอนที่หนังเรื่องนี้ฉาย กระแสตอบรับก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดนะครับ แน่นอนว่านี่เป็นหนังลูแปงที่สนุก งานภาพสวยมาก (เมื่อเทียบกับปี 1979) และให้อารมณ์แบบหนังครอบครัวสูง ทว่าแฟนๆ การ์ตูนของลูแปงเวอร์ชั่นมังงะเองกลับไม่ชอบผลงานเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะัรู้สึกว่าคาแรกเตอร์ของตัวละครในเรื่องนั้นแตกต่างไปจากลูแปงที่เขาชื่นชอบและคุ้นชินมาโดยตลอด และในตอนนั้น อ.มิยาซากิเองก็ยังไม่ได้โด่งดังอะไรมากนักด้วย แต่ในที่สุดหนังก็ยังพอเอาตัวรอดไปได้ โดยทำเงินไปได้ 600 ล้านเยนจากทุนสร้าง 500 ล้านเยน (แต่ถ้าหักค่าการตลาด และส่วนแบ่งอื่นๆ คงขาดทุน)
ทว่าในอีกหลายปีต่อมา หนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นลูแปงภาคที่ผู้คนถามหาและอยากชมมากที่สุด หนังถูกนำไปฉายในหลายๆ ประเทศ (จริงๆ การ์ตูนชุดลูแปงเองก็โด่งดังในประเทศทางยุโรปอยู่แล้วด้วย) ถูกนำมาผลิตเป็นดีวีดีและบลูเรย์ ล่าสุดก็เพิ่งรีมาสเตอร์เป็น 4K ไปเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง รวมถึงยังเป็นอนิเมที่มีอิทธิพลต่อผลงานในยุคหลังอีกหลายๆ เรื่องด้วยครับ ซึ่งตอนนี้ใครที่อยากหามาชมก็ยังมีให้ดูอยู่ทาง Netflix นะครับ แม้อนิเมจะเก่าสักหน่อย แต่รับรองว่าถึงจะผ่านไป 40 ปีแล้วก็ยังดูสนุกครับ