Dr.Noguchi ด้วยใจนักสู้

สำหรับคนญี่ปุ่น ชื่อของโนงูจิ ฮิเดโยะ นั้นเป็นชื่อที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดี ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นนักวิทยาแบคทีเรียชาวญี่ปุ่น ผู้สามารถเพาะเชื้อก่อโรคซิฟิลิสได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลก หรือเพราะใบหน้าของเขาปรากฎอยู่บนธนบัตรแบบหนึ่งพันเยนที่ใช้กันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา

ภาพธนบัตร 100 เยนรูป ดร.โนงุจิจาก wikipedia

แต่ โนงูจิ ฮิเดโยะ นั้นคือสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เรื่องราวของ ดร.โนงูจิ ถูกถ่ายทอดออกมาในหลากหลายเวอร์ชั่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ฉบับหนังสือการ์ตูนที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จมากในบ้านเรา จากที่เคยพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ยุค 90s (ตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่) ผ่านไป 20 กว่าปี ตอนนี้ก็ตีพิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ

อุบัติเหตุในวัยเด็กกลายเป็นตราบาปในความรู้สึกของแม่

สมัยก่อน การ์ตูนเรื่อง Dr.Noguchi ด้วยใจนักสู้ เคยตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูน KC WEEKLY และค่อนข้างได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ก็อย่างที่บอกว่า มันเป็นการ์ตูนที่สร้างจากเรื่องจริง ของ โนงูจิ เซซากุ (ชื่อเดิม ก่อนเปลี่ยนเป็นฮิเดโยะ) ที่นอกจากจะเป็นเด็กบ้านนอกยากจน แถมมีพ่อขี้เมาแล้ว เจ้าตัวยังเคยโดนไฟลวกมือซ้าย จนเกือบๆ จะเป็นคนพิการ เพราะนิ้วติดกันเป็นก้อน ใช้การไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกรุมกลั่นแกล้งเพราะพิการแต่ก็อดทนตั้งใจเรียนจนสอบได้ที่ 1 ซึ่งในที่สุดตัวเขาก็ได้รับการยอมรับจากครูและเพื่อนๆ ช่วยกันลงขันหาเงินให้โนงูจิผ่าตัดเพื่อรักษามือของเขา

เพราะยากจนเลยถูกเพื่อนๆ ดูถูก

แม้ผลการผ่าตัดจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง คือการแพทย์เมื่อร้อยปีก่อน คงไม่อาจทำอะไรให้เหมือนยุคนี้ได้ แต่มันก็พอที่จะทำให้โนงูจิเริ่มใช้การมือได้ และยังเปลี่ยนความฝันของตนจากครูมาเป็นหมอด้วย ทว่าการที่เด็กบ้านนอกแถมยากจนคนหนึ่งจะเป็นหมอในยุคนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้เจ้าตัวจะสามารถสอบเป็นหมอได้ด้วยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันมากมาย ถูกรุ่นพี่กลั่นแกล้งสารพัด (เพราะหมอยุคนั้นส่วนใหญ่จะจบ ม.โตเกียวกัน) จนสุดท้าย เจ้าตัวก็ต้องหันเหจากการเป็นหมอ มาเป็นนักวิจัย และออกเดินทางจากญี่ปุ่นไปสู่ประเทศที่เปิดกว้างและยอมรับในตัวเขา โดยที่ไม่มองว่าเขาเป็นคนพิการหรือบ้านนอก

ความไม่ยอมแพ้ ทำให้โนงุจิ กลายเป็นหมอที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

เรื่องรางของโนงูจิฉบับการ์ตูนนั้น ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของ ดร.โนงูจิออกมาได้อย่างมีสีสันและน่าสนใจ แม้จะมีการเสริมเติมแต่งเนื้อเรื่อง หรือดัดแปลงเนื้อหาไปบ้าง แต่มันก็เป็นการ์ตูนที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งเรื่องความพยายาม หรือในส่วนความผูกพันระหว่างแม่ลูกโนงุจิที่ซาบซึ้งกินใจ นอกจากนี้เรื่องราวของโนงุจินั้นยังเต็มไปด้วยสีสันและจุดพลิกผัน ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งกลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ได้เจอกับบุคคลชื่อดังในระดับโลก ซึ่งในฐานะคนญี่ปุ่น ไม่สิ คนเอเซียเมื่อร้อยปีก่อนนั้น ถือได้ว่าโนงูจิคือคนที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของชาวเอเซียในสายตาของชาวตะวันตกเลยล่ะครับ (ในยุคนั้น คนตะวันตกยังเหยียดคนผิวเหลืองเอเซียอยู่นะครับ)

แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่โนงุจิก็ยังนึกถึงแม่อยู่เสมอ

ในเวอร์ชั่นพิมพ์ใหม่นี้ ตามที่ผมเข้าใจนอกจากราคาที่แพงขึ้นแล้ว (ฮา) ยังเป็นการจัดทำใหม่ทั้งหมด เปิดอ่านแบบญี่ปุ่น และแต่งภาพแบบใหม่ ซึ่งสังเกตว่าเรื่องนี้จะใช้เสียงประกอบตามแบบญี่ปุ่นเลย และเขียนภาษาไทยกำกับเอา และที่สำคัญคือ น่าจะเป็นการแปลใหม่หมด เพราะในเวอร์ชั่นเดิมนั้นแปลชื่อเฉพาะผิดหลายจุด แต่ฉบับนี้เข้าใจว่าแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว แต่ยังไงก็ต้องรอดูเล่มหลังๆ ด้วยว่า จะมีที่หลุดเหมือนเวอร์ชั่นเดิมหรือเปล่า แต่ไม่ว่าอย่างไร การ์ตุนเรื่องนี้สำหรับผม ถือเป็นหนึ่งใน 10 การ์ตูนญี่ปุ่นที่ควรอ่าน และควรมีเก็บไว้ที่บ้านครับ ก็หวังว่า ทางวิบูลย์กิจคงพิมพ์ออกมาจนจบ อย่าทิ้งกลางทางนะ…