ผมไปดูหนังเรื่อง Blue Thermal โดยพยายามทำหัวให้โล่งราวกับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เลย เพราะถึงแม้จะเป็นอนิเมที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน ที่เหมือนจะมีวางจำหน่ายในบ้านเรา แต่ผมก็ไม่เคยอ่าน เรื่องที่เคยคิดไว้แต่แรกว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องบิน ก็ไม่ใช่อีก แต่กลับเป็นการแข่งขันเครื่องร่อนในรูปแบบกีฬาของเด็กมหาวิทยาลัยที่ตัวผมเองก็ไม่คุ้นเคยเช่นกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเกี่ยวกับเครื่องร่อนที่เรียกว่าไกลเดอร์ ซึ่งไกลเดอร์ในเรื่อง มันก็ต่างจากไกลเดอร์ที่ผมเคยรู้จักในสมัยก่อน มันกลายเป็นกีฬาที่แข่งกันโบยบินบนท้องฟ้า ที่เริ่มต้นเรื่องจากตัวเอกของเรื่อง ซึรุ ทามากิ หรือ ซึรุทามะ (ให้เสียงพากย์โดย ฮตตะ มายุ นักแสดงชื่อดัง) เด็กสาวที่ย้ายมาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ดันไปทำเครื่องร่อนราคาแพงได้รับความเสียหาย ก็เลยถูกชวนให้มาเข้าชมรมเครื่องร่อน และโดนรุ่นพี่คุราโมจิที่เป็น Ace ของชมรมเครื่องร่อนบอกว่า ถ้าอยากจะชดใช้ค่าเสียหายก็เข้าแข่งขันแล้วเอาเงินรางวัลมาใช้หนี้ซะ
โทนเรื่องก็เป็นเหมือนการ์ตูนวัยรุ่นกีฬาทั่วไป เพียงแต่เปลี่ยนจากกีฬาปกติกลายมาเป็นเครื่องร่อน ซึ่งตัวหนังจะค่อยๆ อธิบายถึงกฎกติกาการแข่งขันจนเราเข้าใจได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกันก็จะเล่าเรื่องราวของตัวละครในเรื่อง ซึ่งจะมีเน้นไปที่สองคน ก็คือ ซึรุทามะ ตัวเอกที่จะมีภูมิหลังเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นสมัยมัธยม และครอบครัวที่มีปัญหาจนไม่ลงรอยกับพี่สาว และอีกด้านก็จะเป็นเรื่องราวของรุ่นพี่คุราโมจิ Ace ของชมรมที่ดูเผินๆ เป็นเหมือนรุ่นพี่อารมณ์ดี ชิลล์ๆ แต่จริงๆ เจ้าตัวกลับต้องแบกภาระที่หนักหนาสาหัสเอาไว้
จุดที่ต้องชมเลยก็คืองานภาพที่สวย โดยเฉพาะฉากเครื่องร่อนที่ต้องอยู่ท่ามกลางท้องฟ้านั้นทำออกมาได้ดี เพลงประกอบของวง SHE’S ที่เป็นร็อคแบนด์จากโอซาก้า ก็ทำออกมาได้เพราะและเข้ากับเนื้อเรื่องมากๆ การเล่าเรื่องก็ทำออกมาได้ดี สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านคอมมิคเรื่องนี้มาก่อนอย่างผมที่มีอะไรให้ลุ้นกันตลอดแม้จริงๆ มันจะไม่มีอะไรหักมุมมากนัก ก็เป็นพล็อตแบบการ์ตูนวัยรุ่นเลยแหละครับ มิตรภาพ ความพยายาม ชัยชนะ ดราม่าหนักๆ และความรัก ที่ผสมรวมกันได้ค่อนข้างดี
แต่ส่วนที่ไม่ชอบก็พอมี คือผมรู้สึกว่า ตัวอนิเมมันเหมาะที่จะสร้างเป็นทีวีซีรี่ส์มากกว่าหนังโรง เพราะต้นฉบับคอมมิคก็มีตั้ง 5 เล่ม และพอเป็นเรื่องเกี่ยวกับชมรมกีฬาที่มีการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย มันก็ย่อมมีตัวละครในเรื่องเยอะมาก แต่พอเป็นหนังโรงมันทำให้มีพื้นที่เล่าเรื่องแค่ไม่กี่คน ส่วนตัวละครรองหลายตัวแม้จะมีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นแต่กลับบทน้อยจนบางทีจบเรื่องแล้วยังไม่รู้ว่าชื่ออะไรก็มี ซึ่งผมว่ามันน่าเสียดาย รวมถึงพัฒนาการของตัวเอกคือซึรุทามะที่บางทีก็เหมือนเร่งเกินไปเพราะข้อจำกัดของความยาวหนังโรง ทำให้เราเห็นเธอเก่งขึ้นแบบพรวดๆ จากเด็กซุ่มซ่ามกลายเป็น Ace ชมรมในชั่วเวลาไม่นาน (สำหรับคนดู) รวมถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ในเรื่องก็ดูเหมือนจะเร่งๆ ในช่วงท้ายไปนิด ซึ่งในคอมมิคน่าจะมีรายละเอียดมากกว่านี้
อีกจุดหนึ่งที่ผมคิดว่า ไม่อยากให้พลาดก็คือ เครดิตท้ายเรื่องเราจะเห็นชื่อคนไทยหลายคนเลยครับ เพราะถึงแม้ตัวอนิเมจะผลิตโดย Telecom Animation Film แต่ก็มีทีมงานซับในหลายๆ ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ NorthStar Studio ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด จะเป็นสตูดิโอที่อยู่ที่เชียงใหม่ด้วยครับ ถ้าใครได้ดูเรื่องนี้ก็อยากให้สังเกตในช่วงเครดิตท้ายให้ดี อาจจะเจอชื่อคนที่เรารู้จักโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะ ตอนนี้หนังก็กำลังจะเข้าแล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแนะนำให้ลองไปดูกันครับ