Fruits Basket: Prelude เป็นภาพยนตร์ที่ถือได้ว่าเป็นบทสรุปของ Fruits Basket ฉบับอนิเมปี 2019 ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนชุด Fruits Basket เสน่ห์สาวข้าวปั้น หนึ่งในการ์ตูนผู้หญิงที่ดังที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่ทำสถิติยอดขายสูงถึง 30 ล้านเล่ม ติดหนึ่งใน 10 การ์ตูนโชโจขายดีที่สุดตลอดกาลของญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ Fruits Basket เคยทำอนิเมไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2001 แต่ทำออกมาแค่ 26 ตอน เพราะตอนนั้นหนังสือการ์ตูนยังไม่จบ จนกระทั่งปี 2019 หลังจากการ์ตูนจบไปแล้วสิบกว่าปี จึงได้มีการรีเมคทำอนิเมฉบับสมบูรณ์ออกมา แบ่งเป็น 3 ซีซัน ความยาวรวมทั้งหมด 63 ตอน ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะได้รับชมกันไปแล้ว
ส่วน Fruits Basket: Prelude นั้น เป็นโปรเจคที่ถูกสร้างตามออกมาหลังจากฉบับทีวีซีรี่ส์จบลง โดยตอนแรกจะใช้ชื่อว่า Kyо̄ko to Katsuya no Monogatari ซึ่งจากชื่อเรื่องก็คงจะเดากันได้ว่า จะเน้นไปที่เรื่องราวของคัทสึยะ และ เคียวโกะ ซึ่งเป็นพ่อแม่ของโทรุ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็น Fruits Basket: Prelude และออกฉายที่ญี่ปุ่นไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เองครับ
Fruits Basket: Prelude จะแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นสามส่วนด้วยกัน โดยส่วนแรกจะเป็นการ Recap เนื้อหาในช่วงท้ายของอนิเมซีซัน 3 มาเล่าใหม่ โดยเน้นไปที่เรื่องราวของเคียวและโทรุ ซึ่งการ์ตูนก็จบไปสิบกว่าปีแล้วก็คงสปอยล์ได้แล้วแหละว่าเคียวคือตัวเอกตัวจริงของเรื่องนี้ (แม้ใจจริง ผมจะเชียร์ยูกิก็เถอะนะ..แต่เรื่องมันก็อวยแมวมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้วไง เข้าใจได้) ซึ่งเนื้อเรื่องส่วนนี้กินเวลาราวครึ่ง ชม. เหมือนกับเป็นการทวนความทรงจำให้กับคนที่ดูทีวีซีรี่ส์ ก่อนที่จะโยงไปที่เรื่องราวของเคียวโกะ ที่จะเป็นตัวเอกตัวจริงของหนังโรงภาคนี้
ถ้าใครได้ดูทีวีซีรีส์ หรืออ่านหนังสือการ์ตูนมาก่อน ก็คงจะทราบดีว่า แม้เคียวโกะจะเป็นตัวละครที่ตายไปตั้งแต่เริ่มเรื่อง แต่ก็เป็นตัวละครที่มีบทเด่น และถูกพูดถึงมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อมีการเฉลยออกมาในช่วงท้ายว่า เคียวโกะกับเคียวนั้นรู้จักกันมาก่อนด้วย ทว่าเรื่องราวของคัทสึยะพ่อของโทรุกลับถูกพูดถึงน้อยมาก ซึ่งใน Fruits Basket: Prelude จะบอกเล่าถึงเรื่องราวของเคียวโกะในสมัยเรียน ที่ได้พบกับคัทสึยะ ซึ่งพูดตามตรง ถ้าบอกว่าคัทสึยะเป็นหนึ่งในตระกูลโซมะผมก็เชื่อนะ หน้าตาดี เท่ แถมยังเป็นคนมีความสามารถอีก คือคาแรกเตอร์แบบตระกูลโซมะชัดๆ ในขณะที่เคียวโกะสมัยเรียนนั้น ก็อย่างที่ทุกคนพอทราบคือ เป็นอันธพาล ขวางโลก ซึ่งตัวอนิเมจะเล่าว่า ทำไมเคียวโกะถึงมีพฤติกรรมแบบนั้น และเราจะได้ทราบเรื่องราวทางบ้านของเคียวโกะ หรือคุณตาคุณยายของโทรุ ที่ในเรื่องหลักแทบจะไม่พูดถึงเลยด้วย
แน่นอนครับว่า สำหรับแฟนๆ เรื่องนี้ การที่จะมาดูหนังโรงภาคนี้ก็ต้องเตรียมใจที่จะตับพังกันมาบ้างแล้ว เพราะเรารู้กันมาตลอดเรื่องว่า สุดท้ายยังไงคัทสึยะก็ต้องตาย (ทำไมคนชื่อคัทสึยะถึงอายุไม่ค่อยยืนนะ อีกเรื่องก็รถชนตายแต่มีพี่ชายมาสืบทอด) ซึ่งการแต่งงานของหนุ่มหล่อแสนจะเพอร์เฟคอย่างคัทสึยะกับสาวอันธพาลอย่างเคียวโกะเดิมทีก็ไม่ได้รับการยอมรับจากญาติๆ ของคัทสึยะอยู่แล้ว แถมยังมีเรื่องช่องว่างระหว่างวัยอีก จะมีก็แต่พ่อของคัทสึยะ (ปู่ของโทรุ) ที่สนับสนุน ซึ่งถ้าใครจำได้ ในภาคซีรีส์ปู่ของโทรุเองก็เป็นญาติที่เหลือเพียงคนเดียวที่ใจดีกับโทรุด้วยนะครับ ในภาคหนังโรงเราจะได้เห็นเรื่องราวของคุณปู่ในมุมอื่นๆ มากขึ้น รวมถึงความรู้สึกที่คุณปู่มีต่อเคียวโกะด้วย
และเมื่อถึงจุดที่คัทสึยะตายไปจริงๆ (ผมคิดว่าไม่สปอยล์นะ เพราะในซีรีส์ก็บอกไว้ล่วงหน้าแล้ว) มันก็เหมือนชีวิตของเคียวโกะแทบจะล่มสลาย เพราะคัทสึยะแทบจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวหนึ่งเดียวของเคียวโกะ ที่ถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ ซึ่งจุดเด่นหนึ่งของซีรีส์นี้ตลอดทั้งเรื่องก็คือ การเล่าเรื่องราวของคนที่ไม่เป็นที่ต้องการนั่นแหละครับ ทั้งโทรุ เคียว หรือในชื่อเรื่องเองก็มีการสื่อความนัยถึงเรื่องนี้อยู่ แต่สุดท้าย ทั้งเคียวโกะ และ เคียว ก็เลือกที่จะก้าวเดินออกมาจากความเจ็บปวดนั้น ซึ่งคนที่ทำให้ทั้งสองสามารถก้าวเดินต่อไปได้ ก็คือโทรุนี่แหละครับ
และเนื้อหาช่วงสุดท้ายของเรื่อง ก็คือบทส่งท้ายที่ อ.ทาคายะ นัตสึกิ ผู้แต่งการ์ตูนเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวเล็กๆ ของเคียวและโทรุ ภายหลังจากที่แยกมาอาศัยอยู่ด้วยกัน แม้มันจะไม่มีอะไรซับซ้อนเกินไปกว่าเรื่องราวความรักของคนสองคน แต่มันก็เป็นการส่งท้ายเรื่องราวด้วยความสุข หลังจากที่ชีวิตของทั้งสอง ต้องผ่านเรื่องราวที่แสนเศร้าและเจ็บปวดมาอย่างมากมาย แต่ในความทรงจำเหล่านั้น มันก็ยังมีเรื่องดีๆ เรื่องที่สวยงาม เรื่องราวที่มีความสุข และอบอุ่น เหมือนชีวิตคนเรานี่แหละครับ มีสุข ทุกข์ คละเคล้า หลากหลายผสมกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเล่าเรื่องราวในมุมไหน หรือเลือกที่จะจดจำ เลือกจะเก็บเรื่องไหนเอาไว้
สำหรับผม ภาพยนตร์เรื่องนี้ เกือบจะเป็นบทส่งท้ายซีรี่ส์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะครับ แถ่ถ้าถามว่าขาดอะไร จริงๆ มันก็ไม่ขาดหรอกครับ แต่ผมอยากให้โอคาซากิ ริตสึโกะ คนที่แต่งเพลงประกอบให้ Fruits Basket เวอร์ชั่นแรก กลับมาทำเพลงประกอบให้กับเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ และจริงๆ คนแต่งเพลงประกอบของ Fruits Basket ฉบับปี 2019 ก็ทำเพลงประกอบออกมาได้เพราะดีด้วย แต่พอดูหนังเรื่องนี้จบ ผมก็กลับมาหาเพลง “Serenade” ของโอคาซากิ ริตสึโกะ ฟังทันที เพราะผมคิดว่ามันตรงกับความรู้สึกของผมหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบมากที่สุดแล้วล่ะ
きみが笑うと
それだけでもう嬉しくて
すべてが報われるんだ
うつむいてた日は
ここから見てたのはぬかるみ
でも 今は空を見上げてる