จบไปแล้วแบบทิ้งปมไว้ให้ไปตามต่อในซีซันหน้า กับ Dan Da Dan อนิเมกระแสดีที่ติดอันดับ 1 ใน Netflix หลายๆ ประเทศ และปีที่แล้วก็สร้างความฮือฮาในบ้านเรากับไวรัลมนุษย์ต่างดาวเซอร์โปที่หน้าคล้ายอดีตท่านผู้นำ จนกลายเป็นอนิเมอีกเรื่องที่รู้จักในวงกว้างมากๆ ในบ้านเรา
สำหรับซีซันสอง เนื้อเรื่องก็จะอยู่ระหว่างรวมเล่ม 5-9 ที่เล่าผ่านอนิเม 12 ตอน ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็ว เพราะเนื้อเรื่องบทบ้านผีสิงของจิจิกับเนตรปีศาจที่มีฉากต่อสู้ค่อนข้างเยอะ พอนำฉากต่อสู้มาทำเป็นอนิเมก็จะค่อนข้างลื่นไหลไปเร็ว ซึ่งในส่วนของฉากต่อสู้ทีมงาน Science Saru ก็ทำได้สนุก หวือหวา น่าสนใจดี ทว่าก็แอบมีประเด็นดราม่ากับ X-JAPAN แทรกในช่วงท้ายอยู่นิดหน่อย แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้
ส่วนอีกบทหนึ่งก็จะเป็นการเปิดตัวละครใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อจากนี้ นั่นก็คือ ซากาตะ คินตะ เพื่อนร่วมชั้นของโอคารุนซึ่งเจ้าตัวก็เป็นโอตาคุเหมือนโอคารุน แต่เป็นสายหุ่นยนต์ และใช้ความสามารถเหนือจินตนาการของตนนำพาพวกโอคารุนไปสู่ฉากต่อสู้สุดอลังการระหว่างไคจูและหุ่นยักษ์ที่กลายเป็นฉากใหญ่ไคลแม็กซ์ในช่วงท้ายซีซันสองที่ถูกใจแฟนๆ เรื่องนี้
ซึ่งความสนุกของเนื้อเรื่องซีซันสองนอกจากฉากแอ๊กชั่นกับพล็อตที่หลุดโลกจนเดายากแล้ว มุกล้อเลียนของภาคนี้ก็ถือว่าน่าสนใจครับ ตั้งแต่มุกล้อวง X-Japan ที่กลายเป็นประเด็น มุกดักแก่ มาถึงการปรากฎตัวของ ซากาตะ คินตะ ที่ทีมงานจัดหนักจัดเต็มยิ่งว่าฉบับหนังสือการ์ตูนอีก คือล้อการ์ตูนหุ่นยนต์หลายเรื่องมาก โดยเฉพาะกันดั้มที่ใส่ Reference กันระดับซีนต่อซีนยิ่งกว่าในต้นฉบับอีก เพราะในอนิเมนี่ล้อกันทั้งภาพและเสียง ยันเพลงประกอบ เหมือนทีมงานตั้งใจให้ตอนนี้กลายเป็นไวรัล และก็กลายเป็นไวรัลสมใจจริงๆ
โดยภาพรวมแล้ว Dan Da Dan ซีซัน 2 ทีมงานยังคงรักษา Mood&Tone จากภาคแรกเกี่ยวกับประเด็นเอเลี่ยน x ภูตผีที่ดูหวือหวา สีสันฉูดฉาด ฉากแอ๊กชั่นหลุดโลก กับมุกล้อเลียน Pop Culture ของญี่ปุ่นไว้ได้อย่างสนุก แถมยังหยอดระเบิดไว้ลูกใหญ่ไว้ช่วงท้าย ให้แฟนๆ รอชมกันต่อในซีซัน 3 ซึ่งผมคิดว่าอีกไม่นานน่าจะได้ดูกัน เพราะกระแสดีขนาดนี้คงไม่ปล่อยให้รอกันนานแน่ๆ