Sega Neptune คอนโซลปริศนา

สืบเนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนั่งดูสารคดีชุดใหม่ของ Netflix เรื่อง High Score ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมวิดีโอเกม และมีตอนหนึ่งเกี่ยวกับ SEGA ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า เมื่อสองสัปดาห์ก่อนเกมซีรี่ส์ Hyperdimension Neptunia เพิ่งออกเกมใหม่ออกมา ก็เลยรู้สึกอยากจะพูดถึงเรื่องราวของ Sega Neptune เสียหน่อย เพราะหลายๆ คนคงนึกไม่ออกว่า มันมีเครื่องเกมนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ

ก่อนอื่น ก็คงต้องพูดถึง Hyperdimension Neptunia กันก่อนครับว่า มันเป็นเกมที่มีแนวคิดนำเอาเครื่องเกมคอนโซลมาดีไซน์ใหม่ให้เป็นสาวน้อยน่ารักอาศัยอยู่ด้วยกันในโลกแห่งเกม และตัวเอกของเรื่องก็คือ เนปจูนเนีย ซึ่งมีที่มาจากเครื่องเกมเซก้าเนปจูน เครื่องเกมมายาที่ไม่เคยถูกผลิตขึ้นมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ!

ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากช่วงรอยต่อระหว่างยุคคอนโซล 16 บิท กับ 32 บิท (1994-1995) โดยในตอนนั้นบริษัทเซก้าได้ขึ้นมาเบียดเป็นคู่แข่งกับเจ้าตลาดวงการเกมอย่างนินเทนโดได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ด้วยแนวคิดที่จับตลาดวัยรุ่น เน้นเกมกีฬามากขึ้น รวมถึงการสร้างเกมระดับมัสคอตของตนเองอย่างเจ้าเม่นโซนิคขึ้นมาแข่งกับมาริโอ้ของนินเทนโด ทำให้การแข่งขันระหว่างสองคอนโซล เซก้า(เมก้าไดร์ฟ์ หรือ เจเนซิส) กับซูเปอร์แฟมิคอม(SNES) ของนินเทนโดเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน

เครื่องเมก้าไดร์ฟ หรือเจเนซิส เครื่อง 16 บิทที่ขายดีที่สุดของ SEGA

ทว่าเมื่อถึงจุดที่เครื่องเกมกำลังจะเปลี่ยนยุคจาก 16 บิท ไป 32 บิท (เข้าสู่คอนโซลยุคที่ 5) กลับเกิดความขัดแย้งด้านแนวคิดระหว่างเซก้าอเมริกาและเซก้าญี่ปุ่น โดยฝั่งหนึ่ง (Sega of America) ต้องการที่จะรักษาฐานของเครื่อง Genesis (เมก้าไดร์ฟ) ที่มีแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นเอาไว้ ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง (Sega of Japan) ต้องการที่จะก้าวเข้าสุู่คอนโซล 32 บิทอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากในตอนนั้นกำลังจะมียักษ์ใหญ่อีกรายก้าวเข้ามาในตลาดเกมคอนโซล (นั่นก็คือ โซนี่ กับเครื่อง Playstation นั่นเองครับ) ผลก็คือ การพัฒนาเครื่องคอนโซลที่ทับซ้อนกันอยู่ระหว่างเซก้าด้วยกันเอง จนส่งผลกระทบใหญ่หลวงตามมา

Sega 32x ต่อพ่วงกับเมก้าไดร์ฟ (เจเนซิส)

ฝั่งแรก (SoA) ได้ทำการพัฒนา Sega 32x (ภายใต้ชื่อ Project Mars) ออกมาในปี 1994 ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่จะเปลี่ยนเครื่อง Genesis 16 บิทรุ่นเดิมให้กลายเป็นเครื่องที่เล่นเกม 32 บิทได้ หรืออธิบายแบบบ้านๆ ก็คือ หัวโปรสำหรับเครื่องเมก้าไดร์ฟนั่นเองครับ โดยมีกำหนดวางตลาดในอเมริกาเหนือก่อนในเดือนพฤศจิกายน 1994 ตามด้วยญี่ปุ่น และยุโรปในปี 1995 ตามลำดับ

Sega Saturn

ทว่า เซก้าอเมริกากลับโดนหักหลังแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อในเดือนเดียวกันกับที่ 32x ออกวางตลาด (พฤศจิกายน 1994) ทางเซก้าญี่ปุ่นกลับเปิดตัวเครื่องคอนโซล Sega Saturn ซึ่งเป็นเครื่อง 32 บิทเต็มรูปแบบออกมาหน้าตาเฉย (อย่างที่บอกแต่แรกว่า ทางเซก้าเร่งสายการผลิตเร็วกว่ากำหนดเดิมในปี 1995 เพื่อเปิดตัวตัดหน้า PS ของโซนี่) ซึ่งแน่นอนครับว่ามันส่งผลกระทบต่อการทำตลาดเครื่อง 32x แน่นอน เพราะเครื่อง 32 บิทตัวจริงอย่าง Sega Saturn ดันมาเปิดตัวพร้อมกัน ใครมันจะอยากไปซื้อเครื่องเกม add-on ที่มีเกมให้เล่นน้อยกว่า แถมอนาคตก็ยังไม่แน่นอนด้วย ผลสรุปก็คือ เซก้าแซทเทิร์น สามารถขายได้มากถึง 9 ล้าน 2 แสนเครื่อง ส่วน 32x นั้นแม้จะเปิดตัวค่อนข้างแรงแต่ก็ขายได้แค่แปดแสนเครื่องเท่านั้นครับ

ซึ่งอันที่จริง ลือกันว่าสาเหตุนั้นอาจมีส่วนมาจากความขัดแย้งภายในองค์กรระหว่าง เซก้าญี่ปุ่น (SoJ) กับเซก้าอเมริกา (SoA) เนื่องจากลึกๆ แล้ว ทางเซก้าญี่ปุ่น ไม่ค่อยพอใจอิทธิพลของ ทอม คาลินสกี นายใหญ่ของเซก้าอเมริกา ที่สามารถพลิกเกมธุรกิจทำให้เซก้ากลายเป็นบริษัทเกมที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกจนสามารถทำยอดแซงนินเทนโด้ได้ชั่วขณะหนึ่ง แน่นอนว่าจริงๆ แล้วมันควรเป็นเรื่องดี แต่ผู้ใหญ่ของทางเซก้าญี่ปุ่นเองกลับรู้สึกว่า ทั้งที่ตนเองที่เป็นบริษัทแม่แท้ ๆ แต่กลับต้องมาคอยทำตามนโยบายบริษัทลูก (SoA) ซึ่งเอาจริงๆ ทอม คาลินสกี เองก็เคยบอกว่า เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทาง SoJ นั้นคิดอะไรอยู่ ซึ่งความขัดแย้งลึกๆ ระหว่าง SoJ กับ SoA นั้นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้เซก้าต้องพ่ายสงครามคอนโซลในเวลาต่อมา และลดระดับตนเองจนกลายเป็นค่ายเกมเธิร์ดปาร์ตี้อยู่ในปัจจุบัน

เนปจูเนีย (ขวา) มีต้นแบบมาจากเครื่องเซก้าเนปจูน

แล้วเซก้าเนปจูนล่ะอยุ่ตรงไหน? เซก้าเนปจูนคือโปรเจคมายาที่อยู่ในสายการพัฒนาเดียวกับ 32x ครับ สรุปง่ายๆ ก็คือในขณะที่ 32x นั้นเป็นเครื่อง Add-On ของเมก้าไดร์ฟ(เจเนซิส) เซก้าเนปจูนก็ถูกพัฒนาให้เป็นเครื่องคอนโซลแบบ 2 in 1 ที่จับเอาเมก้าไดร์ฟรวมร่างกับ 32x เป็นเครื่องเดียวกันและขายในราคาต่ำกว่า 200 เหรียญสหรัฐ (เฉพาะตัว 32x อย่างเดียว ราคา 169 เหรียญสหรัฐ) โดยมีกำหนดวางตลาดในฤดูใบไม้ร่วงปี 1995

ซึ่งดูจากราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างถูกแล้ว หลายคนก็เชื่อว่ามันน่าจะดูดีมีอนาคตอยู่นะ ทว่าเนื่องจาก 32x มันแป้ก ยอดขายไม่เดิน เกมก็ไม่มีให้เล่น ทีมการตลาดก็ไปทุ่มเทกับเซก้าแซทเทิร์นกันหมด โปรเจคเนปจูนก็เลยถูกทางเซก้าสั่งระงับในเดือนตุลาคมปี 1995 ทำให้เซก้าเนปจูนกลายเป็นเครื่องเกมมายาที่ไม่เคยถูกผลิตออกมาวางจำหน่ายจริงๆ และถูกลืมเลือนไปจนกระทั่งเกมชุด Hyperdimension Neptunia (เปิดตัว 2010) ได้เลือกเอาเครื่องเนปจูนมาเป็นตัวเอกและด้วยความสำเร็จของตัวเกมที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอดสิบปีทำให้เซก้าเนปจูนกลับมาถูกพูดถึงในหมู่แฟนเกมอีกครั้งหนึ่งนั่นเองครับ และเอาจริงๆ หลายๆ คนก็ได้รู้ spec ของเครื่องเนปจูนกันจริงๆ ก็จากคู่มือเกมนี้ที่มีการกล่าวถึงรายละเอียดของเจ้าเนปจูนเอาไว้ด้วย แต่ในความเป็นจริงก็ไม่มีใครเคยเห็นตัวจริงของเจ้าเครื่องนี้หรอกนะครับ (ที่เห็นกันเป็นแฟนอาร์ตล้วนๆ) แบบนี้เราจะเรียกว่าเครื่องเกมมายาได้ไหมล่ะ