เอ่ยชื่อโชเน็นจัมป์ เชื่อว่าแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นก็คงรู้จักกันดี เพราะจัมป์คือนิตยสารการ์ตูนที่ให้กำเนิดการ์ตูนดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดราก้อนบอล เซนต์เซย่า วันพีช นารูโตะ สแลมดังค์ และอื่นๆ เอาแค่ยอดพิมพ์ของนิตยสารเล่มนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มียอดตีพิมพ์สูงเป็นลำดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยล่ะครับ เวลาเราพูดถึงนิตยสารการ์ตูนขายดีของญี่ปุ่น จัมป์ก็ครองแชมป์มาตลอด แต่เชื่อไหมครับว่า ครั้งหนึ่ง นิตยสารสุดฮิตอย่างจัมป์เองก็เคยเสียแชมป์นิตยสารการ์ตูนขายดีกับเขาเหมือนกัน..
ยอดขายของนิตยสารโชเน็นจัมปืั้นขึ้นสู่จุดสูงสุดในปี 1995 ด้วยยอดขาย 6.53 ล้านเล่มต่อสัปดาห์ ซึ่งนั่นเป็นสถิติสูงสุดของยอดขายนิตยสารการ์ตูนญี่ปุ่นด้วยนะครับ แต่หลังจากปี 1995 เป็นต้นมา ยอดขายจัมป์ก็ร่วงลงมาอย่างรุนแรง โดยในปี 1996 ยอดขายลดลงเหลือ 5.88 ล้านเล่ม (ลดลง 10%) และพอปี 1997-1998 ยอดขายก็ลดลงแบบปักหัวลงกว่า 30% เหลือ 4.05 ล้านเล่ม! ในขณะที่นิตยสารโชเน็นแมกกาซีนของโคดันฉะยอดขายกลับเพิ่มขึ้นเป็น 4.55 ล้านเล่ม ซึ่งกลายเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปีที่โชเน็นแมกกาซีนขายดีกว่าโชเน็นจัมป์ และสถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้จนถึงปี 2002 ยอดขายของจัมป์จึงกลับมาแซงโชเน็นแมกกาซีนได้
ถ้าถามถึงสาเหตุนั้น ก็ง่ายมากเลยครับ เพราะในปี 1995 นั้น คือปีที่ดราก้อนบอลฉบับคอมมิคอวสาน (5 มิถุนายน 1995) เท่านั้นยังไม่พอ ในปี 1996 การ์ตูนเรื่องสแลมดังค์ การ์ตูนบาสเก็ตบอลที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุคนั้นยังอวสานตามกันไปอีก (17 มิถุนายน 1996) เมื่อการ์ตูนระดับท็อปของวงการอวสานไปถึงสองเรื่องในเวลาห่างกันแค่ปีเดียว และยังไม่มีเรื่องใหม่ที่ดังพอขึ้นมาทดแทน ยอดขายของจัมป์ก็ร่วงกราวอย่างรวดเร็วจนหลายคนคิดไม่ถึง
ในขณะที่โชเน็นแมกกาซีนในขณะนั้น กลับมีการ์ตูนตัวท็อปที่ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ คือเรื่อง GTO คุณครูพันธุ์หายาก ที่เริ่มตีพิมพ์เมื่อกลางปี 1997 (สานต่อความสำเร็จจากการ์ตูนเรื่อง Shonan Junai Gumi ซึ่งเป็นเรื่องราวของโอนิซึกะ ตัวเอกของเรื่อง GTO สมัยยังเรียน ม.ปลายจบลงในปี 1996 )และยังมี Psychometrer Eiji ที่เริ่มตีพิมพ์ในปี 1996 และการ์ตูนวัยรุ่นสุดฮิตที่กลายเป็นต้นแบบของการ์ตูนแนวสาวน้อยในยุคหลังๆ อย่าง Love Hina ในปี 1998 ด้วย ซึ่งโดยภาพรวมนั้น เนื้อหาการ์ตูนของโชเน็นแมกกาซีนส่วนใหญ่จะเป็นแนวกีฬา ไม่ก็แนววัยรุ่นที่ดูเหมือนเนื้อเรื่องจะจับกลุ่มอายุสูงกว่าจัมป์เล็กน้อย (แม้จะเป็นกลุ่มโชเน็นเหมือนกัน) ทำให้ช่วงที่ดราก้อนบอลจบ แฟนจัมป์หลายๆ คนที่เริ่มโตขึ้นก็หันไปอ่านโชเน็นแมกกาซีนกันมากขึ้น
แต่แน่นอนครับว่าทางจัมป์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาทางพลิกสถานการณ์ด้วยการทดลองหาการ์ตูนแนวใหม่ๆ เข้ามาตีพิมพ์เพิ่มขึ้น จนกระทั่งการ์ตูนเรื่อง One Piece ได้เริ่มตีพิมพ์ในปี 1997 และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการ์ตูนอันดับ 1 ในปัจจุบัน ตามมาด้วย Hunter × Hunter และ Shaman King ในปี 1998 และนารูโตะในปี 1999 ซึ่งผลงานเหล่านี้ได้กลายเป็นกำลังหลักของนิตยสารการ์ตูนโชเน็นจัมป์จนทำให้จัมป์สามารถทวงคืนตำแหน่งนิตยสารการ์ตูนอันดับ 1 คืนกลับมาได้ในช่วงปี 2002-2003 และก็รักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้จนถึงปัจจุบัน..
ซึ่งเราก็ได้เห็นแหละครับว่า การจบการ์ตูนดังๆ สักเรื่องนี่้มีผลกระทบรุนแรงไม่น้อยทีเดียว แต่การ์ตูนทุกเรื่องย่อมมีวันจบครับ..แม้อาจจะตัดจบบ้าง ปาหมอนบ้าง หรืออาจเกิดเหตุที่คาดไม่ถึงบ้าง แต่การ์ตูนเรื่องนั้นก็จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนรุ่นหลังๆ พยายามที่จะก้าวข้ามความสำเร็จของรุ่นพี่ไปให้ได้ ด้วยมิตรภาพ ความพยายาม และชัยชนะ ตามสูตรสำเร็จของจัมป์นี่แหละ
(กราฟยอดขายแมกกาซีนการ์ตูนของญี่ปุ่น : ที่มา : https://www.comipress.com )