[REVIEW] Avengers: Endgame : จุดจบเพื่อก้าวต่อไป

มันคงเป็นเรื่องยากมาก ที่จะเขียนถึงเรื่องนี้โดยไม่สปอยล์อะไรเลย ผมเลยรอให้เวลาผ่านไปสักพักก่อนแล้วค่อยรีวิว และเนื้อหาต่อจากนี้ จะเป็นการพูดถึงเนื้อหาหลายๆ ส่วน ที่แน่นอนว่าสปอยล์กันเต็มๆ ใครที่ยังไม่ได้ดูก็ข้ามไปเลยนะครับ

Avengers: Endgame คือภาพยนตร์สรุปการเดินทางของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ตลอดระยะเวลา 11 ปี หลังจากที่ภาพยนตร์ชุดไออ้อนแมน (ผมไม่ยอมเรียก ไอรอนแมน ตามออฟฟิเชียล เด็ดขาด) ที่นำแสดงโดย โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ได้ปลุกกระแสหนังฮีโร่และบริษัทมาร์เวลที่ตอนนั้นเพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤติล้มละลายให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง จากคำพูดปิดท้ายเรื่องราวภาคแรก ที่โทนี่ สตาร์คพูดเปิดเผยตัวเองว่า “I am Ironman” ได้เป็นการเปิดประตูบานใหม่ให้โลกได้รู้จักกับการรวมพลังของเหล่าฮีโร่ที่ถูกเรียกว่า Avengers ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแฟรนไชส์สุดยิ่งใหญ่มูลค่าหลักแสนล้านอย่างที่ไม่มีใครจะคาดคิด

เรื่องราวของ Avengers: Endgame นั้น ต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว ที่ธานอสได้ใช้ Infinity Stones ทั้ง 6 เม็ด เสกสิ่งมีชีวิตทั่วจักรวาลให้หายไปครึ่งหนึ่ง และหลังจากนั้น เจ้าตัวก็หนีไปใช้ชีวิตแบบชาวไร่ชายทุ่งปลูกผักกินเลี้ยงชีพไปวันวัน แถมยังอุตส่าห์ใช้อินฟินิตี้สโตนอีกครั้งเพื่อทำลายอินฟินิตี้สโตนทั้งหมดไม่ให้ใครเอาไปใช้ได้อีก แม้พวกอเวนเจอร์จะตามไปเช็คบิลธานอสที่กำลังอ่อนแรงได้ถึงถิ่นคาบ้านก็ไม่อาจช่วยชีวิตใครกลับคืนมาได้

จริงๆ แค่เปิดมาก็เหมือนจะจบเรื่องอวสานแล้ว แต่ก็ไม่..เวลาผ่านไป 5 ปี เหล่าอเวนเจอร์ที่เหลือก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตน บางคนก็คลั่งเพราะความแค้นไล่ฆ่าอาชญากรไปทั่ว บางคนก็ยังคงทำหน้าที่ผดุงความยุติธรรม บางคนก็เมาหยำเปทั้งวันจนกลายเป็นถังเบียร์เดินได้ ส่วนโทนี่ สตาร์ค(ไออ้อนแมน) ก็ไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับครอบครัวแถมมีลูกสาวน่ารักด้วย ทุกอย่างเหมือนจะจบลงเอยแบบนั้น จนกระทั่งอีตาแอนท์แมนที่ติดอยู่ในมิติควอนตัมหลุดออกมาได้เพราะความบังเอิญ (ขอบคุณมิกกี้เมาส์ที่กู้โลกไว้) และนั่นทำให้รู้ว่า แอนท์แมนเข้าไปในห้วงมิติควอนตัมแค่แป๊บเดียว แต่โลกภายนอกกลับผ่านไปแล้ว 5 ปี..และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดแนวคิดที่จะสร้างเครื่องย้อนเวลากลับไปรวบรวมดราก้อนบอล เอ้ย อินฟินิตี้สโตน เพื่อชุบชีวิตทุกคนขึ้นมาอีกครั้ง แต่คนที่จะสร้างอะไรแบบนีได้ก็มีแต่โทนี่ สตาร์ค ซึ่งเจ้าตัวเองก็มีความสุขพอเพียงดีอยู่แล้ว ไม่อยากเสี่ยงอีก แต่เพราะความรู้สึกผิดลึก ๆ ที่มีต่อปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ที่สลายเป็นผงคามือ ก็ทำให้เจ้าตัวแอบเข้าซึนเดเระโหมด คิดสร้างเครื่องย้อนเวลาขึ้นมาจนได้


ซึ่งตรงนี้ หลายๆ คนคิดว่ามันคล้ายๆ ดราก้อนบอล ที่ทรังค์ย้อนเวลามาแก้ไขประวัติศาสตร์ แต่สำหรับผม มันรู้สึกเหมือนกับการ์ตูนเรื่องรีบอร์นมากกว่า ที่อิริเอะวางแผนให้พวกสึนะในโลกอดีต มาแก้ไขวิกฤติในโลกอนาคตที่ถูกเบียคุรันยึดครอง เพราะสิ่งที่จะหยุดยั้งเบียคุรันได้ก็มีแต่แหวนวองโกเล่ริงทั้ง 7 ที่ถูกสึนะในโลกอนาคตทำลายทิ้งไปเท่านั้น ซึ่งจะว่าไปมันก็คล้ายๆ กับที่พวกโทนี่ย้อนเวลากลับมาเอาอินฟินิตี้สโตนไปใช้ในอนาคตเช่นกัน

และตรงนี้มันก็เหมือนจะเป็นการพาทัวร์ประวัติศาสตร์ของ MCU แบบกลายๆ เพราะมันทำให้เราได้เห็นเหล่าอเวนเจอร์ในอดีตถึง 3+1 ช่วงเวลาที่อินฟินิตี้สโตนปรากฎ แถมยังได้เห็นตัวละครเก่าๆ ที่แสนคิดถึงอีกมากมาย ซึ่งถ้าใครเป็นแฟน MCU ตั้งแต่ยุคแรกๆ นี่ผมว่ามีน้ำตาไหลเอาง่ายๆ เพราะเนื้อหาช่วงนี้เหมือนจะเน้นดราม่าของ 3 ตัวละครที่สร้างจักรวาล MCU ขึ้นมา (โทนี่ – กัปตัน – ธอร์) มากกว่าเรื่องหาหินเสียอีก จะติดใจหน่อยก็ตรงที่เครื่องย้อนเวลาของโทนี่ดูเหมือนมันจะสะดวกไปหน่อย เพราะนอกจากจะเป็นไทม์แมชชีนแล้วยังเป็นประตูสารพัดสถานที่ย้อนเวลาไปโผล่ตรงไหนของจักรวาลก็ได้ด้วย

แน่นอนครับ เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแผนการย้อนเวลามหาสนุกของโทนี่ มันดันไปเข้าหูธานอสในอดีตเข้า ธานอสในอดีตก็เลยลักไก่ข้ามเวลามาถล่มฐานอเวนเจอร์ในยุคปัจจุบัน เพื่อชิงเอาอัญมณีที่โทนี่รวบรวมไว้ให้ และนั่นก็กลายเป็นฉากสงครามครั้งใหญ่สุดในจักรวาล MCU เมื่อกองทัพของธานอส ปะทะกับกองทัพฮีโร่ทั้งจักรวาลที่คืนชีพจากการกลายเป็นฝุ่น ปิดท้ายด้วยการปิดฉากสงครามครั้งนี้ ด้วยการที่ไออ้อนแมนใช้อัญมณีทั้งหก ป่นกองทัพธานอสให้กลายเป็นผง แลกกับชีวิตตนเอง พร้อมกับคำพูดปิดท้าย “I am Ironman” ที่เคยใช้เป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล MCU นั่นเอง

แม้จะยอมรับว่า ตัวหนังไม่มีอะไรผิดจากความคาดหมาย เพราะพล็อตย้อนเวลานั้นถูกพูดถึงกันมานานแล้ว แต่เรื่องราวระหว่างทางต่างหาก ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เหนือความคาดหมาย และฉากเอาใจแฟนๆ MCU ที่ผ่านการค้นคว้าศึกษามาอย่างดี โดยเฉพาะการปิดตำนานตัวละคร 2 ตัวที่พา MCU มาถึงจุดนี้ นั่นก็คือ ไออ้อนแมน และกัปตันอเมริกา ซึ่งตัวไออ้อนแมนนั้นถือได้ว่ามีบทเด่นที่สุดในเรื่องนี้แล้วครับ (และโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ยังเป็นนักแสดงคนเดียวที่ได้ดูบทหนังทั้งเรื่องด้วย) ซึ่งก่อนที่โทนี่จะจากไป เราก็ได้เห็นโทนี่มีความสุขจริงๆ ทั้งการที่ได้มีลูกที่น่ารัก มีครอบครัว และยังได้เจอพ่อ(ในอดีต) ได้รับรู้ความรู้สึกที่พ่อมีต่อตนจริงๆ แถมเรื่องคาใจที่ปล่อยให้ปีเตอร์ตายคามือก็ได้รับการแก้ไขแล้วด้วย เรียกว่าโทนี่ตายอย่างหมดห่วง ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แล้ว ว่างั้นเถอะ

ส่วนกัปตันอเมริกา ผู้นำของเหล่าอเวนเจอร์ ก็ได้มีบทบาทสำคัญมากมาย ได้ย้อนเวลากลับไปเจอคนรัก แถมยังควงค้อนมโยล์เนียร์ (ที่ธอร์ไปยืมมาใช้ตอนย้อนกลับไปอดีต) ออกไปซัดกับธานอสได้อีก และที่เซอร์ไพร์สคนดูก็คือ กัปตันอเมริกาเลือกที่จะย้อนเวลาไปใช้ชีวิตในช่วง 70 ปีที่หายไป ก่อนที่จะกลับมาพบกับพวกอเวนเจอร์ในปัจจุบันอีกครั้ง ในสภาพคนชรา ปิดฉากตัวละครกัปตันอเมริกา (สตีฟ โรเจอร์) ไปอีกคนหนึ่ง

อย่างที่บอกแหละครับว่า ระหว่างทางของหนังมันเป็นไปด้วยความประหลาดใจ และความประหลาดใจนี่แหละที่ทำให้ผู้ชมไม่ควรรู้อะไรล่วงหน้าเลย แม้กระทั่่งจุดที่ผมฮาที่สุดในเรื่องก็คือพี่หมีธอร์กลายเป็นตาลุงลงพุง ก็ยังสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ ได้อีก แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า ตัวละครฮีโร่ของมาร์เวลมันมีมิติ แม้กระทั่งเทพเจ้าก็มีจิตใจ มีความเป็นมนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นแนวทางของมาร์เวลที่พยายามสร้างฮีโร่ที่ใกล้ตัวและสามารถสัมผัสได้ ไม่ใช่ฮีโร่แบบขาวดำที่เก่งกาจเหนือมนุษย์และมีแต่ด้านวีรบุรุษอย่างเดียว

ความน่าสนใจต่อจากนี้ก็คือ หลังจากที่ตัวละครอย่าง ไออ้อนแมน และ กัปตันอเมริกา(สตีฟ) ปิดฉากบทบาทของตัวเองลง จักรวาล MCU จะเป็นอย่างไรต่อไป แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดมันถูกวางไว้แล้ว เราได้เห็นฮีโร่รุ่นใหม่และว่าที่ฮีโร่รุ่นใหม่หลายคนปรากฎตัวในตอนงานศพของโทนี่ แม้กระทั่งเด็กที่เจอโทนี่ในไออ้อนแมน 3 ยังอุตส่าห์โผล่มาอย่างหล่อจนจำแทบไม่ได้ แต่เอาจริงๆ จะมีใครมีบารมีแบกอเวนเจอร์ (ทั้งสมอง และทุนทรัพย์)ได้เท่ากับไออ้อนแมนอีกล่ะ จะมีใครพูดคำว่า Avengers Assemble ได้หล่อเท่ากับสตีฟ โรเจอร์อีกล่ะ ไม่มี! ซึ่งถ้าเป็นคอมมิคล่ะก็ เชื่อเถอะยังไงสองคนนี้ก็ต้องคืนชีพขึ้นมา (ตายไปไม่รู้กี่รอบแล้ว) แต่ในจักรวาล MCU นี่คงเป็นไปได้ยากมาก เพราะติดเรื่องสัญญานักแสดง จะเปลี่ยนคนแสดงเหมือนตอนเปลี่ยนฮัลค์หรือเพื่อนโทนี่ก็ไม่ได้ เพราะคนทั่วโลกจดจำว่า โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ คือไออ้อนแมนไปแล้ว

และถ้าถามว่า มีส่วนที่ผมไม่ชอบในหนังเรื่องนี้ไหม ผมก็ตอบว่า มีครับ อย่างแรกคือผมคิดว่าการเอ่ยถึงสแตนลี มีน้อยไป (ถ้าเทียบกับในเรื่องกัปตันมาร์เวล) อาจเพราะถ่ายเสร็จไปนานแล้ว นึกว่าลุงแกจะโผล่มาปิดฉาก MCU เยอะกว่านี้เสียอีก และผมรู้สึกว่า ตอนงานศพของโทนี่ มันดูไม่สมราคาเอาเสียเลย เป็นถึงมหาเศรษฐีที่กู้จักรวาลเอาไว้ มีแต่เพื่อนฮีโร่มาร่วมงานศพแค่หยิบมือเดียว คนที่เป็นระดับผู้นำประเทศก็มีแต่แบล็กแพนเธอร์กับธอร์เท่านั้น (่ส่วนตานิค ฟิวรี่นี่ยังถือเป็น จนท รัฐอยู่ไหมนะ) อีเวนท์ระดับนี้ผมว่าสหประชาชาติน่าจะประกาศลดธงทั่วประเทศแล้ว เฮียแกก็ระดับเซเลปของโลกคนหนึ่งนะ ซึ่งผมว่าฉากจบของ Avengers ภาคแรก (ที่มีซีนที่คนทั่่วโลกพูดถึง Avengers) ยังดูสมราคามากกว่า เรื่องงานศพอาจจัดเฉพาะคนสนิทได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก งานศพฝรั่งไม่มีมหรสพ ไม่มีบวชหน้าไฟเหมือนไทย แต่หนังน่าจะทำให้เราได้เห็นถึงผลตอบรับของการเสียสละของโทนี่ในระดับปรากฎการณ์มากกว่านี้นะ

อีกจุดหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่าจะเป็นการ “ไม่ชอบ” หรือเปล่า ก็คือ บทบาทของ กัปตันมาร์เวล ที่ปูไว้เยอะว่า เธอจะเป็นคนปิดฉากธานอส ในตัวอย่างก็มีฉากกรุ้มกริ่มชวนจิ้นกับธอร์อยู่นิดๆ แต่เอาจริงๆ บทเธอในเรื่องกลับน้อยมาก ทั้งที่อุตส่าห์ปูทางไว้ตั้งเยอะ แม้กระทั่งฮีโร่พันล้านอย่างแบล็กแพนเธอร์เองก็มีบทมาตอนสงครามใหญ่ไม่มากนัก (แต่ก็เด่นนะ) แต่ถามว่าเป็นแบบนี้โอเคไหม ก็ต้องบอกว่า โอเคนะ เพราะโทนี่ กับ แคป เหมาะที่จะเป็นคนสรุปเรื่องราวทั้งหมดของ MCU 10 ปีแรกมากกว่ากัปตันมาร์เวลหรือแบล็กแพนเธอร์ ที่น่าจะรับหน้าที่เป็นคนสานต่อจักรวาล MCU ในเฟสต่อไปมากกว่า

การปิดฉากของ Avengers: Endgame จึงเป็นการปิดฉากของอเวนเจอร์รุ่นเก่า และส่งไม้ต่อให้กับฮีโร่รุ่นใหม่ที่จะมาแบกรับความคาดหวังของแฟนๆ MCU กันต่อไป ซึ่งอาจจะไม่ได้มีแค่ฮีโร่ที่ปรากฎในเรื่องตอนนี้ เพราะอย่าลืมว่า ตอนนี้ดิสนีย์ได้ซื้อ Fox ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราน่าจะได้เห็นความแปลกใหม่ของจักรวาล MCU ที่รวมเข้ากับจักรวาล X-Men และ Fantastic 4 กันอย่างแน่นอน เพราะถ้าจะหาอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่าฉากสงครามในภาคนี้ ก็คงมีแต่ Avengers vs. X-Men นั่นแหละครับ…แต่คงต้องรอนานนิดนึงนะ เพราะอีตา เควิน ไฟกี้ ประธานบริษัทมาร์เวลสตูดิโอส์บอกว่า มาแน่ แต่ไม่ใช่ใน 2-3 ปีนี้แน่นอน..