Aladdin (1992)

ตอนนี้ หนังเรื่อง Aladdin ของดิสนีย์ ฉบับปี 2019 กำลังเข้าฉาย และดูท่าว่าจะเก็บรายได้ไปไม่น้อยด้วย แต่ตัวผมยังไม่ได้ดูหรอกครับ เอาไว้หนังใกล้ออกจากโปรแกรมค่อยไปดูก็ได้ แต่วันนี้ผมจะมาพุดถึงหนังอนิเมชั่นเรื่อง อะลาดิน ฉบับปี 1992 ที่ผมเพิ่งดูจบไปเมื่อเช้าอีกรอบ หลังจากที่ไม่ได้ดูซ้ำมาเป็นสิบๆ ปี

ก่อนอื่นผมคงต้องย้อนความกันหน่อยครับว่า อาละดินเป็นหนังการ์ตูน 2D ของดิสนีย์ (ซึ่งปัจจุบันดิสนีย์ไม่ได้ทำหนังโรงแบบ 2D ออกมานานแล้ว) ออกฉายในช่วงที่ดิสนีย์กำลังโงหัวฟื้นขึ้นมาจากยุคตกต่ำ..แปลกใจไหมครับ ในยุค 80 นี่ถือได้ว่าเป็นยุคที่หนังการ์ตูนดิสนี่ย์ตกต่ำและล้มเหลวใน Box Office อย่างรุนแรง การ์ตูนหลายเรื่องนี่แทบจะไม่มีใครรู้จักอย่างเช่น The Black Cauldron ปี 1985 ที่ทำเงินไปได้แค่ 21 ล้านจากทุนสร้าง 44 ล้านเป็นต้น แต่ดิสนีย์ก็เริ่มที่จะกลับมากอบโกยความสำเร็จจาก The Little Mermaid ในปี 1989 และมาสะดุดขาตัวเองเล็กๆ ในปี 1990 ก่อนที่จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1991 จากผลงานชุด Beauty and the Beast ในปี 1991 อาละดินในปี 1992 และขึ้นสู่จุดสูงสุดจากไลอ้อนคิงในปี 1993

สำหรับอาละดินนั้น จุดขายสำคัญในตอนนั้นที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้โด่งดังในบ้านเราแบบถล่มทลายก็คือ เพลงประกอบ A Whole New World ฉบับภาษาไทย ที่ได้พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร มาร้องเพลงประกอบให้ ซึ่งตอนนั้น พี่เบิร์ดกำลังอยู่ในช่วงจุดสูงสุดของชีวิต ผลงานเพลงก็ดัง แถมละครคู่กรรมก็โด่งดังระดับสร้างประวัติศาสตร์ถนนโล่งแทบทุกสายเพราะคนอยู่บ้านดูคู่กรรมทีวี (บอกแบบนี้หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าเว่อร์ แต่ยุคนั้นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ อย่าลืมว่าสมัยนั้นไม่มีชมย้อนหลัง พลาดแล้วพลาดเลย) พอพี่เบิร์ดมาร้องเพลง A Whole New World เราก็เลยได้เห็น MV เพลงนี้กันทั้งวันเลยครับ เพราะสมัยก่อนค่ายแกรมมี่เขามีรายการเพลงทางหน้าจอโทรทัศน์เยอะมาก ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ต้องไปดูกันใน Youtube เป็นหลัก คนทั้งประเทศก็เลยได้รู้จักการ์ตูนเรื่องอาละดินไปด้วย

นอกจากนี้ การ์ตูนเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคเข้ามาร่วมกับอนิเมชั่น 2D นั่นก็คือตัวพรมวิเศษนั่นเองครับ ซึ่งเจ้าพรมวิเศษนี่ถือได้ว่าเป็นตัวละครที่สร้างจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิคตัวแรกๆ ของโลกเลยนะครับ ในยุคที่คอมพิวเตอร์ตามบ้านยังราคาหฤโหด โทรศัทพ์มือถืออันใหญ่เท่าแขน แผ่นดิสก์จุได้เมกเดียว ซีดีเพลงเป็นของเลิศหรู การเรนเดอร์ภาพ CG แต่ละภาพนี่ใช้เวลาเป็นวันเลยครับ แต่เจ้าพรมวิเศษก็ทำ CG ออกมาได้ดี และดูเนียนตา จนถ้าไม่บอกว่าเป็น 3D นี่หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ

และแน่นอนครับว่า ตัวละครที่มีสีสันมากที่สุดในเรื่อง และทำให้เรื่องนี้ดังเป็นพลุแตกก็คือยักษ์ในตะเกียงจินนี่ ที่ทางดิสนีย์ตีความออกมาได้อย่างสนุกสนาน แถมยังได้โรบิน วิลเลี่ยม มาให้เสียงพากย์ด้วย (แต่ในภาคหลังๆ และภาคซีรี่ส์ก็มีการเปลี่ยนคนพากย์นะครับ) ทำให้ยักษ์จินนีตัวนี้มีความสนุกสนานหลุดโลกไปจากตัวต้นฉบับ แถมยังมีบทบาทเด่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวอาละดินเลย และมิตรภาพระหว่างอาละดินและจินนี่ก็ดูน่าประทับใจไม่น้อยเลยครับ

อาละดิน ทำรายได้ทั่วโลกไปทั้งหมด 504.1 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 28 ล้านเหรียญ เรียกได้ว่าทำเงินถล่มทลายชนิดเกินความคาดหมายเลยครับ แถมยังถูกนำมาต่อยอดทำเป็นทีวีซีรี่ส์ด้วย และหลังจากนั้น ก็จะเป็นยุคทองของการ์ตูนดิสนี่ย์ต่อเนื่องมาหลายปี ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้พิซาร์ และหลอมรวมเป็นบริษัทเดียวกัน อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นแหละครับ