งานอนิเมของจิบลินั้นถือเป็นงานที่มีคุณภาพ ดูสนุก และเป็นมิตรกับครอบครัว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแบบนั้นทุกเรื่อง งานของจิบลิที่อยู่ในระดับ “ดูได้” แต่ไม่ถึงกับ “ยอดเยี่ยม” ก็พอมีอยู่ ซึ่ง Tales from Earthsea ผลงานอนิเมปี 2006 ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
ตอนที่ประกาศโปรเจค Tales from Earthsea ออกมานั้น มีหลายๆ คนค่อนข้างคาดหวังกับงานเรื่องนี้ไว้เยอะ อย่างแรกก็คือในช่วงนั้นสตูดิโอจิบลิกำลังท็อปฟอร์มจากการคว้าออสการ์เมื่อปี 2003 จนกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก อย่างที่สองก็คือผลงานเรื่องนี้เป็นฝีมือกำกับของ มิยาซากิ โกโร่ ลูกชายของ มิยาซากิ ฮายาโอะ ที่แฟนๆ คาดหวังให้สืบทอดความเป็นจิบลิต่อจากพ่อ และผลงานเรื่องนี้ ยังสร้างมาจากนิยายแนวแฟนตาซีชื่อดังของ Ursula K. Le Guin นักเขียนชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง และก่อนหน้านี้ก็มีคนติดต่อขอซื้อสิทธิ์ไปทำภาพยนตร์หลายรายแต่ผู้เขียนไม่ยอมขายให้ แต่กลับยินยอมให้ทางจิบลินำไปสร้างเป็นอนิเม ซึ่งนั่นทำให้ผลงานเรื่องนี้ ถูกจับตามองทั้งจากแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นและรวมไปถึงชาวอเมริกันที่เพิ่งรู้จักจิบลิจากรางวัลออสการ์ด้วย
แนวเรื่องนั้นจะมีบรรยากาศแบบแฟนตาซียุคกลาง ณ ดินแดนแห่งโลกทะเล (Earthsea) มังกร 2 ตัว ได้ต่อสู้กันกลางพายุอันเป็นลางร้ายที่บ่งบอกถึงสมดุลของโลกที่กำลังจะสูญสิ้น ทำให้ เกด (สแปร์โรว ฮอว์ค) พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังออกเดินทางเพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้พบกับอาร์เรน เจ้าชายแห่งเอ็นลาดและได้ออกเดินทางร่วมกัน จนไดเ้พบกับ เทรุเด็กสาวกำพร้าผู้ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ากำลังถูกไล่ล่าจนนำทั้งสองไปพบกับพ่อมดค็อบที่กำลังรอคอยที่จะชำระแค้นเกด
แม้เนื้อเรื่องจะออกมาในโทนแฟนตาซี แต่การถ่ายทอดเรื่องราวนั้นกลับทำออกมาได้ค่อนข้างจืดชืดมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเนื้อเรื่องนั้นถูกหยิบยกมาจากนิยายแค่ช่วงกลางๆ เรื่อง คนที่ไม่ได้อ่านนิยายมาก่อนจึงไม่ได้รู้จักโลก Earthsea นอกไปจากที่เห็นในเรื่อง ซึ่งนอกจากตอนต้นเรื่องแล้วแทบไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดในทะเลอีกเลย! แถมมังกรที่เราเห็นโดดเด่นในโปสเตอร์ก็จะมีบทแค่ต้นเรื่องกับท้ายเรื่องเท่านั้น!
ส่วนตัวละครในเรื่องนั้นก็ไม่สามารถทำให้เราอินไปกับตัวละครได้เลย อย่างพ่อมดเกด (สแปร์โรว ฮอว์ค) ที่ทั้งเรื่องบอกเราว่าเป็นพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่า แกยิ่งใหญ่หรือเก่งกาจตรงไหน แถมชอบพูดอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องช่วงก่อนหน้า ที่คนดูอนิเมไม่มีทางรู้ ต้องไปอ่านดูในนิยายอีก (เช่นการต่อสู้ระหว่างเกดกับค็อบ) และที่สำคัญก็คือ อนิเมมันไม่สนุกเอาเสียเลย โทนเรื่องเคร่งเครียด จริงจัง บางช่วงก็เนือยๆ แถมยังขาดอารมณ์ขันที่แตกต่างจากหนังจิบลิที่จะเน้นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก ทำให้นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ยกให้ผลงานเรื่องนี้เป็นงานที่ห่วยที่สุดของจิบลิไปโดยปริยาย
แม้ว่าจะเป็นผลงานเปิดตัวที่ไม่่สวยหรูของ มิยาซากิ โกโร่ ขนาด Ursula K. Le Guin ผู้เขียนเรื่องนี้ยังบ่นว่าอนิเมดัดแปลงเยอะเกินไป (จริงๆ ที่ Ursula K. Le Guin ยอมขายสิทธิ์เรื่องนี้ให้เพราะเชื่อใจในตัวมิยาซากิ ฮายาโอะ โดยนึกไม่ถึงว่าเขาจะให้ลูกชายกำกับแทน) แต่ด้วยใบบุญของความเป็นจิบลิทำให้หนังเรื่องนี้ยังทำเงินไปได้มากกว่าเจ็ดพันล้านเยนทีเดียวครับ ยังดีที่ภายหลังตัวผู้กำกับ มิยาซากิ โกโร่ สามารถกลับมาแก้มือได้สำเร็จจากเรื่อง From Up on Poppy Hill ที่ได้รับคำชมไปไม่น้อย แต่รายได้นั้นกลับน้อยกว่า Tales from Earthsea เสียอีก…