My Hero Academia: Two Heroes : กำเนิดใหม่ 2 วีรบุรุษ

My Hero Academia: Two Heroes เป็นอนิเมชั่นหนังโรงของการ์ตูนซีรี่ส์สุดฮิตอย่าง My Hero Academia ที่ฉายที่ญี่ปุ่นไปเมื่อปี 2018 และได้มีโอกาสฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเราด้วยนะครับ แต่ตอนที่เข้าโรงผมไม่ได้ไปดูในโรงกับเขา แผ่นก็ไม่ทำออกมาขายแล้ว เพิ่งมาได้ดูตอนที่มาลง Netflix นี่แหละครับ

สำหรับเนื้อหาในหนังโรงภาคนี้จะเป็นช่วงที่ออลไมต์ยังไม่ปลดเกษียณตัวเอง (แต่ระยะเวลาในการคงร่างมัสเซิลฟอร์มก็เริ่มจะลดลงเรื่อยๆ แล้ว ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังต่อสู้กับออล์ฟอร์วัน หรือระหว่างซีซั่น 2 และ 3 ของอนิเมทีวีซีรีส์) โดยเรื่องราวจะย้อนไปถึงออลไมต์สมัยวัยรุ่น ที่ร่วมมือกับเพื่อนนักประดิษฐ์ เดวิด ชีลด์ ที่คอยคิดค้นเครื่องมือและออกแบบชุดปฏิบัติการให้กับออลไมต์ออกปราบเหล่าร้ายในอเมริกา ทว่าพอถึงจุดหนึ่ง ออลไมต์ก็ต้องแยกทางกับเดวิด เพื่อกลับมาเป็นฮีโร่ที่ญี่ปุ่น จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรมจนอัตราการก่ออาชญากรรมที่ญี่ปุ่นลดลงเหลือถึง 6%

ออลไมต์วัยหนุ่ม

กลับมายุคปัจจุบัน ที่เกาะ “ไอ-ไอร์แลนด์” ซึ่งเป็นเกาะที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่านักวิทยาศาสตร์เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับอัตลักษณ์ได้มีการจัดงานอีเวนต์ขึ้น ซึ่ง เมลิซซ่า ลูกสาวของเดวิด ก็ได้แอบเชิญออลไมต์มาร่วมงานด้วยโดยที่ไม่ได้บอกพ่อของตน ออลไมต์จึงได้ชวนมิโดริยะมาด้วยในฐานะผู้สืบทอดของเขา ทว่าเพื่อนๆ ร่วมชั้นของมิโดริยะเองต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่เกาะแห่งนี้โดยบังเอิญด้วยเช่นกัน แม้ว่าทุกคนจะมีเหตุผลที่มาเกาะนี้แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงของเกาะที่รวบรวมเหล่าฮีโร่และนักวิทยาศาสตร์เอาไว้มากมากตามคำชวนของเมลิซซ่า

ทว่าอยู่ๆ เกาะแห่งนี้ก็ถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายที่ได้เข้าควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยของเกาะระหว่างงานเลี้ยงและขู่จะฆ่าพลเมืองบนเกาะ กระทั่งออลไมต์เองก็ยังพลาดท่าโดนจับกุมกับเขาด้วย จะมีก็แต่พวกมิโดริยะนี่แหละที่จะต้องร่วมมือกับเมลิซซ่าฝ่าระบบความปลอดภัยสุดโหดรวมถึงเหล่าผู้ก่อการร้ายที่มีพลังพิเศษขึ้นไปรีเซ็ตระบบรักษาความปลอดภัยของเกาะนี้ใหม่ และจัดการกับคนร้ายตัวจริงให้ได้ ทว่าความจริงที่ซ่อนอยู่หลังการก่อการร้ายครั้งนี้ และเป้าหมายของการจับตัวประกันครั้งนี้คืออะไรกันแน่

ก่อการร้ายในงานเลี้ยง

เนื้อเรื่องนั้นเหมือนเอามายฮีโร่ อคาเดเมียมารวมกับโคนัน (สองเรื่องนี้ออกอากาศช่องเดียวกัน เวลาต่อกันด้วย) คือมีเหตุ event ระดับวินาศสันตะโร และตัวเอกจะต้องฝ่าพันอุปสรรค ต่อสู้กับคนร้าย พร้อมกับไขปริศนาความจริง ซึ่งถ้าใครที่ดูโคนันหนังโรงบ่อยๆ รับรองครับว่า ดูแค่ครึ่งเรื่องก็เดาคนร้ายออกแน่นอน เพราะพล็อตเรื่องเองก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนักครับ แต่งานภาพ รวมถึงฉากแอ๊กชั่นนั้นทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ตูมตามได้ใจมาก แม้ในบางอารมณ์มันจะชวนนึกถึง Full Metal Alchemist อยู่หน่อยๆ ก็ตาม (ไม่ขออธิบายเพิ่มนะ เดี๋ยวสปอยล์เกินไป)

เมลิซซ่า กับ ออลไมต์

ที่ผมชอบมากคือ เมลิซซ่า สาวแว่นตัวละครใหม่ประจำภาคนี้ ที่ถึงแม้อายุจะมากกว่ามิโดริยะ แต่ก็รู้สึกว่าสองคนนี้เคมีเข้ากันได้ดีจนอยากให้มาเป็นนางเอกในภาคหลักด้วยเลย (ฮา) แถมทั้งสองยังมีจุดร่วมที่เหมือนกัน และกำลังเดินอยู่ในเส้นทางในฐานะ “ผู้สืบทอด” เหมือนกันด้วย (ซึ่งจุดนี้ถือเป็นธีมของภาคนี้ครับ) ซึ่งตัวผมเองก็อยากให้เมลิซซ่ากลัยบมามีบทบาทในเนื้อเรื่องหลักนะครับ น่าจะเป็นกำลังเสริมสำคัญของเรื่องได้เลยล่ะ

My Hero Academia: Two Heroes ทำรายได้ที่ญี่ปุ่นไป 1,600 ล้านเยน ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวเลยครับ แม้ตัวหนังจะเข้าโรงบ้านเราไปได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำแผ่นออกมาขาย โชคดีที่ตอนนี้มีให้ชมกันผ่านทาง Netflix แล้ว แถมอยู่ๆ ก็มาแบบไม่ตั้งตัวเลย ใครสนใจหรือเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ก็ไปหาชมกันได้ครับ