[ดูจบแล้ว] Pluto

ตอนที่มีข่าวว่า Pluto จะถูกนำมาสร้างเป็นอนิเม ผมก็ค่อนข้างแปลกใจพอสมควร เพราะ Pluto เป็นการ์ตูนที่ดังมากๆ เรืองหนึ่งเมื่อ 20 ปีก่อน (เขียนปี 2003 จบปี 2009) ต้นเรื่องเป็นผลงานของ อ.อุราซาวะ นาโอกิ ผู้เขียนการ์ตูนดังๆ อย่าง ยาวาระ , ทเวนตี้เซนจูรี่บอย และ Monster เป็นต้น ซึ่งต้นเรื่องจริงๆ นั้นมาจากตอนหนึ่งของการ์ตูนชุด อะตอม เจ้าหนูปรมาณู ที่ อ.นาโอกิ เอามาตีความใหม่ในมุมของตัวเอง

จุดเด่นของเรื่องนี้ก้คือ อ.นาโอกิไม่ได้เล่าเรื่องในมุมมองของอะตอม ซึ่งเป็นตัวเอกตัวจริงของเรื่อง แต่เล่าเรื่องในมุมของ เกซิกต์ หุ่นตำรวจเยอรมันประสิทธิภาพสูงแห่งยูโรโปล ซึ่งจุดเด่นของเกซิกต์ก็คือ นอกจากความสามารถในการสืบสวนแล้ว ร่างกายของเกซิกต์ยังสร้างขึ้นจากโลหะพิเศษเซโรเนียมซึ่งแข็งแกร่งมาก และตัวเขาก็ต้องมาสืบสวนคดีฆาตกรรมมนุษย์และหุ่นยนต์ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับสงครามเอเชียกลางครั้งที่ 39 และจุดที่น่าสนใจของคดีนี้ก็คือ ผู้ก่อคดีนี้อาจเป็นหุ่นยนต์ ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะหุ่นยนต์นั้นมีกฎเหล็กอยู่ว่า จะไม่สามารถทำร้ายมนุษย์ได้ แถมหุ่นยนต์ที่ถูกทำร้ายก็ยังเป็นหุ่น 7 ตัวที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกด้วย

สำหรับใครที่อ่านการ์ตูนมาก่อน น่าจะจำกันได้ว่า เรื่องนี้เขียนพล็อตได้ค่อนข้างน่าสนใจ มีการตีความที่แตกต่างไปจากต้นฉบับของ อ.โอซามุ ที่เหมือนเป็นการต่อสู้กันของหุ่นยนต์เป็นหลัก (ตามประสาการ์ตูนเด็ก) แต่ในฉบับของ อ.นาโอกิ จะเป็นแนวสืบสวน อิงการเมือง และการตั้งคำถามต่อปรัชญาและตัวตนหุ่นยนต์ ที่มีฉากหลังเป็นสงครามเอเชียกลาง (ซึ่งความรู้สึกผม เหมือนเป็นการดัดแปลงมาจากสงครามอ่าวเปอร์เซียในยุคนั้นอีกที) กับการค่อยๆ เฉลยตัวตนของพลูโต หุ่นยนต์ที่แข็งแกร่งขนาดล้มหุ่นยนต์สุดแกร่งทั้ง 7 ได้ ว่าจริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่

ซึ่งตัวอนิเมมีความยาว 8 ตอน ตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง เหมือนถอดคอมมิค 1 เล่มมาเป็นอนิเม 1 ตอนเลย ใครที่เคยอ่านคอมมิคเล่ม 1 ซึ่งมาเฉลยตัวอะตอมตอนท้ายเรื่องจะรู้สึกว่าตอนนั้นมันว้าวมาก ส่วนอนิเมแม้เราจะรู้เรื่องคร่าวๆ อยู่แล้ว แต่เราก็รู้สึกว้าวกับงานภาพที่สวยมาก และการเล่าเรื่องที่ทำได้ดีสมกับเป็นอนิเมปี 2023 โดยเฉพาะพล็อตเกี่ยวกับ AI พอเอามาเล่าในตอนนี้ มันดูลงตัวเอามากๆ เพราะตอนนี้โลกเองก็กำลังตื่นเต้นกับพัฒนาการของ AI แต่ในการ์ตูนเรื่องนี้พูดถึงเรื่องของ AI มาตั้งแต่ 20 ปีก่อน และพอเอามาเล่าใหม่ในยุคนี้ มันก็ยังดูล้ำอยู่

จุดด้อยที่ผมไม่ชอบก็มีอยู่ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นจุดที่ไม่ชอบตั้งแต่ต้นฉบับ ก็คือการที่การ์ตูนเรื่องนี้เล่าเรื่องผ่านตัวเกซิกต์เป็นหลัก ดังนั้นพอเกซิกต์หมดบทบาทลง และส่งไม้ต่อไปให้อะตอม มันก็ดูเหมือนว่าความตื่นเต้นในเนื้อเรื่องลดลงพอสมควร ในตอนจบของเรื่องเลยไม่รู้สึกว่ามันว้าวเท่าไหร่ เพราะพอปมหลักในเรื่องเฉลยไปหมดแล้ว ภูมิหลังของเกซิกต์และพลูโตก็เปิดเผยหมดแล้ว ช่วงท้ายสุดมันก็กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างอะตอม กับ พลูโต แบบเต็มๆ ซึ่งจริงๆ มันก็สนุกดี แต่เราก็เดากันได้อยู่แล้วว่าจะลงเอยแบบไหน

อย่างไรก็ตาม Pluto ก็ถือได้ว่าเป็นอนิเมที่ดี และเป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุดอีกเรื่องในไตรมาสนี้ แม้กระแสมันอาจจะไม่แรงเท่ากับตอนที่การ์ตูนเรื่องนี้ตีพิมพ์เมื่อ 20 ปีก่อน แต่ผมคิดว่ามันก็ควรค่าที่เราจะใช้เวลา 8 ชั่วโมงนั่งดูอนิเมเรื่องนี้ โดยเฉพาะถ้าหากเราลืมเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว (เพราะไม่ได้หยิบมาอ่านนานมาก) ก็จะยิ่งดูสนุกขึ้นไปอีกครับ ใครที่เป็นสมาชิก Netflix อยู่แล้วนี่ไม่อยากให้พลาดชมเลย