ความรู้สึกแรกตอนผมเห็นตัวอย่าง โดราเอมอนเดอะมูฟวี่: โลกแห่งซิมโฟนี่ของโนบิตะ ก็คือ ผมนึกไม่ออกว่า โดราเอม่อนหนังโรงภาคนี้ จะไปในทิศทางไหน เพราะเรื่องของโดราเอม่อนกับหนังเพลง ผมรู้สึกมันไปกันไม่ได้อย่างบอกไม่ถูก จะทำเป็นหนังเพลงแบบดิสนีย์หรือ? ไจแอนท์ร้องเพลงห่วยนา หรือจะเล่นดนตรี ซิซูกะในความทรงจำของผมก็เล่นไวโอลินห่วยแตก ส่วนโนบิตะนี่ผมแทบนึกไม่ออกเลยว่า ในภาคปกติเคยจับเครื่องดนตรีบ้างไหม…คือมีแหละ แต่น้อยครั้งมากๆ
แต่พอได้ไปดูหนังโรงเรื่องนี้ออกมาจนจบ ก็รู้สึกว่า เออแฮะ หนังภาคนี้มันมีแนวทางที่แตกต่างจากภาคอื่นๆ ค่อนข้างชัดเจนดีครับ คือภาคนี้พวกโนบิตะจะต้องไปเล่นดนตรีเพื่อกู้โลก..(อีกแล้ว) โดยจะต้องใช้พลังแห่งเสียงดนตรี ฟื้นฟูวิหารฟาร์เร่ที่ลอยอยู่ในอวกาศ โดยมี มิกกะ เด็กสาวปริศนาที่ตามหา “เวอร์ทูโอโซ” ยอดนักดนตรีที่จะมาเล่นดนตรีด้วยกันเพื่อกอบกู้วิหารแห่งนี้ ซึ่งก็คือพวกโนบิตะนี่แหละ แต่ว่าโนบิตะมันเล่นดนตรีห่วยแตกนี่นา แล้วจะเป็นสุดยอดนักดนตรีได้ยังไง?
เนื้อหาภาคนี้ เป็นเรื่องราวออริจินอลใหม่หมด ไม่อิงกับหนังสือการ์ตูนตอนไหนเลย โดยนำเสนอเรื่องราวของเสียงดนตรี ผ่านงานวิชวลกราฟฟิคได้อย่างน่าสนใจ เด็กๆ สามารถดูเข้าใจได้ง่าย เหมือนกับเป็นการอินโทรให้เด็กๆ เข้าใจถึงความสนุกสนานของการเล่นดนตรี โดยมีโนบิตะ เป็นตัวแทนของเด็กที่เล่นดนตรีไม่เก่ง ที่อยากจะเล่นตามเพื่อนๆ ให้ทัน จนกลายเป็นหนังดนตรีที่เข้าใจง่ายเหมาะสำหรับเด็ก แต่ก็แฝงสัญญะบางอย่างแทรกเอาไว้เป็นกิมมิคสำหรับแฟนรุ่นใหญ่ให้ได้ขบคิดและถกเถียงกันอยู่หลายจุด
และก็อย่างที่บอกครับว่า หัวใจของภาคนี้คือเสียงดนตรี ฉากใหญ่ของเรื่องก็คือ การเล่นดนตรีที่เล่นใหญ่กันถึงขนาดเปิดคอนเสิร์ตเดิมพันด้วยชะตากรรมของโลกและจักรวาลกันเลย ซึ่งซีนนี้ผมยกให้เป้นหนึ่งในฉากไคลแม็กซ์ของโดราเอม่อนหนังโรงที่ผมชอบอีกภาคนะ คือมันดูเล่นใหญ่รัชดาลัย และมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้โดยตลอด คือคนดูก็รู้อยู่แล้วแหละว่า หนังโดราเอม่อนมันต้องจบ Happy Ending แน่ๆ ล่ะ แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ตรงนี้แหละที่ผมว่าสนุก และแตกต่างจากโดราเอม่อนหนังโรงภาคอื่น โดยเฉพาะกิมมิคของวิเศษของโดราเอม่อนในช่วงท้าย ที่ผมชอบมากๆ
แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ยังแปลกใจนะ ว่าทำไมในภาคนี้ ชิซูกะถึงไม่ได้เล่นไวโอลิน แล้วทำไม ขึ้นชื่อว่าภาคดนตรีแท้ๆ..แต่ไจแอนท์ถึงไม่ได้ร้องเพลงสักแอะเลยล่ะ อันนี้ต้องไปหาคำตอบกันในโรงเองนะครับ แต่ขอแนะนำว่า ภาคที่เน้นเสียงดนตรีแบบนี้ ควรดูในโรงหนังที่ระบบเสียงดีๆ มันจะยิ่งสนุกสะใจเพิ่มขึ้นไปอีก….จริงๆ นะ