[ดูจบแล้ว]”2.5 มิติ ริริสะ Nitengo-jigen no Ririsa (ซีซัน 1)

อนิเมฤดูใบไม้ร่วงเริ่มทยอยจบกันไปเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรื่อง “2.5 มิติ ริริสะ” ที่ถือได้ว่ากระแสค่อนข้างดีครับ…พออนิเมจบซีซัน (24 ตอน) ก็ประกาศซีซัน 2 ตามมาทันทีเลยล่ะ แต่ก็แปลกที่ในบ้านเราดูเหมือนอนิเมเรื่องนี้กลับถูกพูดถึงน้อยกว่าที่คิดถ้าเทียบกับอนิเมเรื่องอื่นๆ ในซีซันเดียวกัน ทั้งที่ผมว่ามันก็สนุกอยู่นะ

สำหรับการ์ตูนที่มีชื่อเรื่องแปลกๆ เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็ก ม.ปลายและวงการคอสเพลย์ครับ มาซามุเนะ โอคุมุระ ตัวเอกของเรื่อง เป็นนักเรียนชั้น ม.5 ที่เป็นโอตาคุตัวพ่อที่รักเดียวใจเดียวกับ ลิลิเอล ตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง The Ashford Chronicles ที่เคยดังมากในอดีต (จริงๆ ตอนนี้ก็ยังดังอยู่นะ) จนกระทั่งเขาได้พบกับ ริริสะ เด็กสาวที่ชื่นชมลิลิเอลเหมือนเขา และเธอยังแต่งคอสเพลย์เป็นลิลิเอลได้เหมือนราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูนเลยทีเดียว

และเพื่อปกป้องชมรมมังงะ โอคุมุระก็เลยต้องกลายเป็นช่างภาพประจำตัวของริริสะและเริ่มย่างก้าวเข้าสู่โลกของคอสเพลย์โดยมีอาจารย์มายูริที่เป็นอดีตคอสเพลย์ตัวแม่ของวงการคอยเป็นที่ปรึกษาและให้การสนับสนุน ซึ่งการปรากฎตัวของริริสะในวงการคอสเพลย์ ก็กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ทำให้หลายๆ คนจับตา และดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้าหาพวกเขาทั้งสองคน

แม้จริงๆ จะเป็นเรื่องราวรักตลกของหนุ่มโอตาคุกับสาวคอสเพลย์ที่ไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคนี้ แต่แก่นของเรื่องจริงๆ กลับเป็นที่ตัวโอคุมุระ ที่แรกเริ่มเดิมทีเขาสนแต่สาว 2D (การ์ตูน) ไม่สนสาว 3D (คนจริง) แต่เพราะคอสเพลย์ (2.5D) ทำให้เจ้าตัวเริ่มที่จะกลับมาสนใจผู้หญิงจริงๆ มากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนๆ เริ่มหวั่นไหว เพราะเอาจริงๆ ตัวโอคุมุระเองก็มีสาวมาสนใจอยู่เหมือนกัน (คือถ้าโอคุมุระไม่ใช่โอตาคุที่ไม่สนผู้หญิง หมอนี่คืออยู่กลางดงฮาเร็มสาวๆ เลยแหละ)

ซึ่งตรงนี้เป็นปมที่จะถูกส่งต่อไปยังซีซันสอง หี่ผมคิดว่าน่าจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง และอาจจะรวมไปถึงเรื่องมุมมองของครอบครัวของแต่ละคนที่มีต่อโอตาคุและคอสเพลย์ด้วย ซึ่งหากใครรอไม่ไหว ก็มีเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนให้อ่านอยู่นะ ใน Mangaplus ก็มีแปลไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ด้วย ส่วนอนิเมภาคแรกผลิตโดย J.C.Staff ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ทำออกมาโอเคอยู่นะ อาจมีบางช่วงบางตอนที่ผมรู้สึกว่าอืดๆ เอื่อยๆ ไปบ้าง มีเผาเนียนๆ ให้เห็นบ้าง แต่โดยรวมก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดูสนุกอยู่ ตอนนี้ก็มีลง Netflix แล้วด้วย คิดว่าน่าจะช่วยให้มีคนดูเยอะขึ้นนะ