ก่อนที่ผมจะเข้าไปดู “ฟูเรรุ” หรือ “ฟูเรรุ ให้หัวใจจำ…ในวันที่เราเป็นเพื่อนกัน” ผมรับรู้แค่ว่าอนิเมเรื่องนี้ได้ Yoasobi มาทำเพลงประกอบให้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็พอที่จะเข้าใจได้ว่า ถ้า Yoasobi ตัดสินใจทำเพลงให้ ผลงานเรื่องนั้นก็น่าจะดีในระดับหนึ่ง ส่วนเนื้อเรื่องก็รับรู้แค่ว่า เป็นเรื่องราวมิตรภาพของสามหนุ่มกับหนึ่งสัตว์ประหลาดเท่านั้น ก็คงคิดว่า หนังน่าจะขายความน่ารักของสัตว์ประหลาดตาใสขนฟูเหมือนเม่นที่ชื่อ “ฟูเรรุ” ล่ะมั้ง

แต่พอได้เข้าไปดูจริงๆ ก็พบว่า หนังมันมีประเด็นมากกว่าที่คิดเยอะมากครับ คือมันไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนเจอกับสัตว์ประหลาด แต่ฟูเรรุในเรื่อง มันถึงขั้นเป็นระดับเทพของเกาะเล็กๆ ที่ทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธฺระหว่างตัวละครสามคนที่ในวัยเด็กไม่ถูกกัน เพราะอากิ ตัวเอกของเรื่อง เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก พอฟิวส์ขาดก็ซัดไม่เลี้ยง ก็เลยมีปัญหากับเรียว และ ยูตะ อยู่บ่อยๆ แต่เพราะฟูเรรุ ที่มีพลัง “เชื่อมจิต” ทำให้ทั้งสามคนสามารถเชื่อมความคิดหากันได้ ก็เลยต่างยอมรับซึ่งกันและกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทั้งสามคนสนิทกันตั้งแต่เด็กจนโต ได้ตัดสินใจที่จะออกจากเกาะมาใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกันในเมืองใหญ่ แต่สิ่งที่จะทำลายมิตรภาพของผู้ชายโสดน่ะ มันก็มีไม่กี่อย่างหรอกครับ และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องผู้หญิง…เมื่อทั้งสามได้พบกับ นานะ และ จูริ สองสาวที่มาขออาศัยอยู่ร่วมบ้านด้วยสาเหตุบางประการ จนทำให้ทั้งสามเริ่มรู้สึกถึงความจริงของฟูเรรุ ว่าพลังของฟูเรรุนั้น อาจจะไม่ใช่แค่การเชื่อมจิตใจให้สื่อถึงกันอย่างที่เคยคิด

พล็อตเรื่องที่เหมือนจะเล็กๆ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่มันก็มีประเด็นให้ขบคิดและตีความได้มากมาย ว่าสิ่งที่ฟูเรรุทำ มันถูกหรือผิด การเปิดใจเข้าหากัน การมองแต่ด้านที่สวยงามของแต่ละคน มันคือสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า โลกที่ทุกคนสื่อใจถึงกันได้ ไม่มีหน้ากาก มันจะทำให้สังคมสงบสุขได้จริงหรือ บางครั้งเจตนาที่ดีก็ไม่อาจนำพาผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป..รึเปล่า

อนิเมเรื่องนีเป็นออริจินอลอนิเมของ CloverWorks (Spy × Family,Bocchi the Rock!) เขียนบทโดย Mari Okada มือเขียนบทชื่อดังของวงการอนิเมญี่ปุ่น (AnoHana ,Mobile Suit Gundam: Iron-Blooded Orphans) และกำกับโดย Tatsuyuki Nagai (Honey and Clover,Anohana) งานที่ออกมาก็ถือว่าโอเคเลยครับ ภาพดี มีมุกให้ขำๆ และจุดหักมุมนิดๆ แต่โดยรวมก็เป็นอนิเม Feel Good ที่ดีและอยากให้ลองชมกันครับ (กำหนดเข้าโรงบ้านเรา 12 มิถุนายนครับ)