แม้ Wind Breaker จะเป็นการ์ตูนนักเรียนนักเลง แต่ mood&tone ของเรื่องนี้ กลับแตกต่างจากการ์ตูนนักเรียนนักเลงเรื่องอื่น ตั้งแต่ setting เรื่องที่เป็นนักเรียนนักเลงปกป้องเมือง มีการแทรกประเด็นทางสังคมเข้าไปอย่างลงตัว และถึงแม้จะเป็นการ์ตูนเด็กผู้ชาย (ลงประจำในโชเน็นพ็อกเก็ต) แต่กลับมีฐานแฟนคลับเป็นสาวๆ เยอะมาก

หลังจากที่อนิเมซีซันแรกออกไปเมื่อปี 2024 และจบแบบค้างคา ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเลยทีเดียวกว่าที่จะได้ดูการต่อสู้ของซากุระและเพื่อนๆ โรงเรียนฟูรินกันต่อ ซึ่งในซีซันนี้จะต่างจากซีซันแรกตรงที่จะไม่ค่อยมีการต่อสู้เพื่อปกป้องเมือง แต่จะเป็นเรื่องของการปกป้องเพื่อน ผู้อ่อนแอ และผู้หญิง โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ขอบเขตเรื่องเริ่มขยายตัวออกไปถึงย่านราตรี ไม่จำกัดกรอบแค่การตีกันของเหล่านักเรียน มีตัวละครใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสึบากิโนะ หนึ่งในจตุรเทพฟูรินที่จะมีบทเด่นมากๆ ในซีซันนี้ รวมถึงการเปิดเผยเรื่องราวความเป็นมาของเหล่ารุ่นพี่โรงเรียนฟูรินในอดีตและ(ว่าที่)บอสใหญ่ของเรื่องด้วย

ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นการ์ตูนนักเรียนนักเลง แต่เนื้อเรื่องกลับเน้นที่ความอ่อนโยนในจิตใจของผู้คน ปัญหาสังคมไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศสภาพหรือความเหลื่อมล้ำ และยังถ่ายทอดความแข็งแกร่งในจิตใจของตัวละครออกมามากกว่าฉากต่อสู้กันเสียอีก บางตอนดูแล้วใจฟูมาก แต่ฉากต่อสู้ก็ทำออกมาได้ดีนะ งานภาพดีมากสมกับที่ CloverWorks ตั้งใจทำและทิ้งช่วงห่างจากซีซันแรกข้ามปี ก็เลยไม่แปลกใจที่อนิเมจะประสบความสำเร็จได้รับคำชมค่อนข้างมาก

แต่ที่แปลกใจกว่าคือ พอจบซีซัน 2 แล้ว ก็นึกว่าจะประกาศอนิเมซีซัน 3 ต่อ แต่กลับประกาศหนังโรงคนแสดงออกมาเฉยเลย ก็น่าจะเป็นการต่อยอดความสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งตัวหนังจะฉายในเดือนธันวาคม ก็แปลว่าอนิเมภาคต่อน่าจะมาปีหน้าโน่นเลย…ถ้าจะทำต่อนะ ซึ่งก็ควรทำแหละ เพราะเนื้อหายังตามหลังต้นฉบับหนังสือการ์ตูนค่อนข้างเยอะ และยังมีตัวละครเด่นๆ อีกมาก โดยเฉพาะรุ่นพี่ปี 3 ที่ยังไม่ได้โชว์บทเด่นเลยด้วย