[COMIC REVIEW] BABY STEPS เทนนิส(ไม่)อภินิหาร

ถ้าเป็นสัก 20 ปีก่อน การ์ตูนกีฬานี่แทบจะเป็นกระแสหลักของวงการการ์ตูนญี่ปุ่นในบ้านเราเลยล่ะครับ เพราะคนอ่านก็ชอบการ์ตูนกีฬา ผู้ปกครองเองก็ไม่ค่อยมีปัญหากับการ์ตูนกีฬา แถมยังส่งเสริมให้เด็กอ่านด้วย ที่แผงหนังสือการ์ตูนก็มีการ์ตูนกีฬาจำหน่ายกันมากมายหลายเรื่อง แต่พอมาสมัยนี้ กลับหาการ์ตูนกีฬาอ่านกันยากพอสมควร เรื่องใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยมีคนซื้อลิขสิทธิ์เข้ามา บางเรื่องก็จบเร็วไม่ก็โดนตัดจบอย่างน่าใจหาย นานๆ ถึงจะมีการ์ตูนกีฬาสนุกๆ และยาวๆ หลุดมาให้ได้อ่านกันสักที

BABY STEPS เป็นการ์ตูนกีฬาอีกเรื่องหนึ่งที่ผมตามอ่านอยู่ และยังเป็นการ์ตูนที่ชอบเป็นลำดับต้นๆ เลยด้วย แม้กระแสของเรื่องนี้ในบ้านเราจะไม่แรงมากนัก แต่ที่ญี่ปุนถือได้ว่าเป็นการ์ตูนกีฬาที่แรงสุดๆ เรื่องหนึ่ง แม้ปัจจุบันจะจบไปแล้วด้วยความยาว 47 เล่ม แต่เอาจริงๆ การ์ตูนเทนนิสยาว 47 เล่มนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะครับ ในกลุ่มการ์ตูนเทนนิสเป็นรองก็แค่ Prince Of Tennis ที่ยาว 42+24 เล่ม (ยังไม่จบ) แค่นั้นเอง แถม BABY STEPS ยังถูกสร้างเป็นอนิเมความยาวถึง 50 ตอนเพื่อออกอากาศทาง NHK-E เลยด้วย

BABY STEPS เป็นเรื่องราวของมารุโอะ เออิจิโร่ (ชื่อเล่น เอจัง) เด็กนักเรียนชั้น ม.ปลายที่เรียนเก่งมาก และใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผนมาโดยตลอด แต่เจ้าตัวได้ลองมาหัดเล่นเทนนิสเพราะในตอนแรกรู้สึกว่าอยากให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นเพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับการเรียน แต่ไปไปมามา เจ้าตัวกับติดอยู่ในโลกของเทนนิส แถมยังนำทักษะด้านการเรียนของตนมาใช้กับการเล่นเทนนิสอีกต่างหาก ทำให้ฝีมือของมารุโอะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเจ้าตัวก็เริ่มที่จะตัดสินใจลำบากว่า จะเดินในเส้นทางสายนักกีฬาอาชีพ หรือกลับไปมุ่งมั่นเข้ามหาวิทยาลัย แล้วใช้ชีวิตแบบเดิมดี

แรกเริ่มเดิมทีการ์ตูนเรื่องนี้ก็เดินตามแบบสูตรสำเร็จนั่นแหละครับ คือจากคนที่ไม่เป็นอะไรเลยค่อยๆ เรียนรู้และเก่งขึ้น (From Zero To Hero) แต่ที่ผมค่อนข้างชอบเรื่องนี้ และทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ต่างจากการ์ตูนกีฬาสูตรสำเร็จก็คือ นอกจากเรื่องสายตาดีแล้ว มารุโอะแทบไม่มีสกิลอภินิหารอะไรเลย ท่าไม้ตายเหนือมนุษย์แบบการ์ตูนกีฬาก็ไม่มี ทักษะทั้งหมดเกิดจากความพยายามและมุ่งมั่นของเจ้าตัวเอง รวมถึงการนำทักษะการเรียนของตน มาใช้กับการเล่นเทนนิสด้วยการจดเทคนิคการเล่นของตนและคู่แข่งเอาไว้ ซึ่งปกติสกิลสายข้อมูลแบบนี้หากเป็นการ์ตูนกีฬาเรื่องอื่นมารุโอะคงเป็นได้แค่ตัวประกอบข้างสนามเท่านั้นแหละ แต่การ์ตูนเรื่องนี้กลับนำเสนอประเด็นนี้ออกมาได้อย่างน่าสนใจและกลายเป็นจุดเด่นในตัวคาแรกเตอร์ที่ทำให้หลายๆ คนจดจำมารุโอะได้

นอกจากจะไม่มีสกิลอภินิหารแล้ว จุดที่ผมชอบอีกจุดก็คือ เรื่องนี้มารุโอะไม่ได้มีสกิลพระเอกที่จะสามารถชนะได้ทุกคนครับ เรื่องนี้พระเอกแพ้ได้ แพ้เป็น แถมแพ้บ่อยด้วย ทำให้พออ่านเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เราแทบจะเดาผลการแข่งขันไม่ออกเลย แต่พอมารุโอะแพ้ ก็จะกลับไปหาทางที่จะก้าวต่อไปให้ได้ ไม่ว่าจะไปฝึกพิเศษ ฝึกต่างประเทศ เจ้าตัวพยายามทำหมดทุกอย่างที่ทำได้ แถมยังต้องใช้ชีวิตในฐานะนักเรียน ม.ปลาย รักษาผลระดับการเรียน ทำกิจกรรมกับเพื่อน ครอบครัว รวมถึงเรื่องแฟน (แฮ่) ไม่ใช่พระเอกการ์ตูนประเภทที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับกีฬา จนไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลย ซึ่งนั่นทำให้มารุโอะเป็นพระเอกการ์ตูนกีฬาที่ดูเป็นคนธรรมดาสามัญที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ได้รู้สึกว่าดูเว่อร์อะไรมากมาย

อย่างไรก็ตาม การที่พระเอกไม่ได้มีสกิลพระเอกติดตัว ไม่มีท่าไม้ตายอภินิหาร ก็ทำให้คนอ่านหลายๆ คนรู้สึกเบื่อ ๆ เจ้ามารุโอะเหมือนกัน (จากที่ตามอ่านคอมเมนต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) ที่พระเอกมันเก่งไม่สุดเสียที และดูเหมือนว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะโดนตัดจบแบบอ้อมๆ ด้วย แม้อันที่จริงการ์ตูนยาว 47 เล่มนี่ไม่น่าเรียกว่าโดนตัดจบได้เต็มปากหรอกครับ แต่เหมือนคนเขียนบ่นเสียดายไว้ในเล่มสุดท้ายว่า อยากเขียนเรื่องของเอจังต่อไปให้ไกลกว่านี้อีก อยากเขียนให้ไปไกลถึงเดวิสคัพเลย ซึ่งก็ไม่ได้บอกตรงๆ ว่าโดนตัดจบหรอกนะ แต่ก็ตีความได้ประมาณนั้นน่ะแหละ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉบับรวมเล่ม(พิมพ์)ของไทยเพิ่งถึงเล่มที่ 29 เท่านั้น เรื่องราวของมารุโอะยังมีอะไรให้ตามอ่านได้อีกนาน (ถ้าไม่หนีไปอ่านสปอยล์เสียก่อน) และที่ต้องชมคือ เรื่องนี้ช่วงหลังวิบูลย์กิจออกได้ค่อนข้างเร็วนะ อย่างน้อยเดือนนึงก็ต้องมีให้อ่านกัน 1-2 เล่ม (แต่ราคาเพิ่มพรวดจาก 50 บาท เป็น 70 บาท..) และยังมีแบบ E-Books ให้อ่านกันด้วย (แถมออกเร็วกว่าเล่มพิมพ์อีก) ใครสนใจก็ลองหาอ่านกันได้นะ

อ้อ การ์ตูนเรื่องนี้ได้รางวัลการ์ตูนเด็กผู้ชายยอดเยี่ยม Kōdansha Manga Shō เมื่อปี 2014 (ครั้งที่ 38) ด้วยนะ