เมื่อปี 1994 ซึ่งเป็็นช่วงที่วงการการ์ตูนลิขสิทธิ์ญี่ปุ่นในบ้านเรายังอยู่ในสภาวะฝุ่นตลบ เนื่องจาก สนพ.ต่างๆ พยายามที่จะแย่งซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนจากนิตยสารโชเน็นจัมป์ซึ่งเป็นต้นสังกัดของการ์ตูนฮิตแห่งยุคอย่างดราก้อนบอล ซึ่งในที่สุด สนพ.ยักษ์ใหญ่ค่ายบางนาก็ได้ลิขสิทธิ์เรื่องดราก้อนบอลไป ส่วนยักษ์ใหญ่ค่ายลาดพร้าวได้การ์ตูนตัวรองลงมา (เมื่อเทียบกับตัวท็อปอย่างดราก้อนบอล) อย่างกัปตันซึบาสะ (อดีตตัวท็อปยุค 80) ดราก้อนเควสต์ได และการ์ตูนที่ในยุคนั้นไม่เป็นที่รู้จักเลยอย่าง ซามูไรพเนจร และ มืออสูรล่าปีศาจ แต่ผลปรากฎว่า ทั้ง ซามูไรพเนจร และ มืออสูรล่าปีศาจ กลับโด่งดังกลายเป็นการ์ตูนฮิตที่ทำให้นิตยสารการ์ตูนของค่ายลาดพร้าวติดอันดับนิตยสารการ์ตูนยอดนิยมมานานหลายปี
แน่นอนครับ ว่าการ์ตูนส่วนใหญ่ต้องมีตอนจบ (ถ้าคนเขียนหรือสำนักพิมพ์ไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน) และถ้าจบก็ควรจบลงด้วยดี สร้างความประทับใจให้แก่นักอ่าน ซึ่งการ์ตูนเรื่อง มืออสูรล่าปีศาจ ก้เป็นอีกเรื่องที่จบเรื่องราวลงได้อย่างลงตัวและงดงามในช่วงที่กระแสของเรื่องนี้ยังไม่ตกลงมาก (31 เล่มหรือราว 6 ปีกว่า) ทว่าหลังจากนั้น อาจารย์ โอคาโนะ ทาเคชิ ผู้เขียนมืออสูรล่าปีศาจ ก็ยังคงสร้างสรรค์การ์ตูนออกมาอีกหลากหลายแนวทาง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็น Comedy ยืนพื้นเป็นหลัก แต่กลับไม่มีเรื่องไหนที่สามารถเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเท่ามืออสูรฯ เลย จนกระทั่ง อ.โอคาโนะ กลับมาจับมือกับ อ.มาคุระ เขียนการ์ตูนที่เป็นเหมือน Side Story ของเรื่องมืออสูรล่าปีศาจอย่าง Reibai Izuna ออกมา และได้รับการตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี ก็เลยทำให้โครงการขุดเอาเรื่อง “มืออสูรล่าปีศาจ” กลับมาเขียนต่อในชื่อ “มืออสูรล่าปีศาจ NEO” เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2014
มืออสูรล่าปีศาจ NEO เป็นเหตุการณ์หลังจากเนื้อหาในภาคแรก ซึ่งนูเบได้กลับมาสอนที่โรงเรียนประถมโดโมริอีกครั้ง ในขณะที่ลูกศิษย์ชั้นเดิมของนูเบต่างก็เรียนจบมีงานมีการทำแยกย้ายกันไปหมด เหลือเคียวโกะที่กลับมาเป็นครูที่โรงเรียนประถมโดโมริและได้พบกับนูเบ ซึ่งในภาคนี้นูเบจะต้องรับมิอกับลูกศิษย์กลุ่มใหม่ที่แสบสันต์ไม่แพ้ภาคแรกแถมยังต้องคอยปราบปีศาจที่มาวุ่นวายกับลูกศิษย์ และยังมีเรื่องขององค์กรลึกลับที่ชื่อวิมุติที่มาข้องเกี่ยวกับเมืองนี้อีก
ในช่วงแรก ๆ ของเรื่อง ผมเข้าใจว่า อ.มาคุระ กับ อ.โอคาโนะ คงพยายามปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มคนอ่านที่มีอายุมากขึ้น เลยดูเหมือนจะมีฉากหวิวๆ อยู่เยอะพอสมควร (คงติดลมบนมาจากตอนเขียนเรื่อง Reibai Izuna ที่ติดเรทหน่อยๆ ด้วย) แต่ในช่วงหลังๆ ก็ดูเหมือนว่าจะปรับโทนให้เข้ากับเวอร์ชั่นดั้งเดิมมากขึ้น และเนื้อเรื่องก็ดูเหมือนจะขยายขอบเขตไปไกลจากในรั้วโรงเรียนมากขึ้นด้วย แต่หากเอาไปเปรียบเทียบกับภาคแรก ก็ดูเหมือนว่าจะมีส่วนที่แฟนๆ ชื่นชอบ และไม่ชอบอยู่ด้วยเหมือนกัน
จุดหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ลูกศิษย์ของนูเบในเวอร์ชั่นใหม่ ไม่ได้สร้างความรู้สึกประทับใจได้เหมือนลูกศิษย์ภาคก่อน ที่มีความผูกพันและพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด เอาจริงๆ ตอนหลังเหมือนคนอ่านจะชอบที่ได้เห็นการกลับมาของตัวละครจากภาคแรกมากกว่า (ซึ่งนี่ก็กลับมาเกือบหมดห้องแล้ว) จนบางครั้งน้ำหนักของเรื่องดูเหมือนจะมุ่งไปที่ศิษย์เก่าที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าศิษย์ปัจจุบันด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องส่วนศิษย์เก่าก็เป็นจุดแข็งจุดหนึ่งที่ทำให้แฟนเก่าๆ กลับมาตามอ่านภาคนี้เหมิือนกัน
อีกจุดหนึ่งที่ผมว่า หลายๆ คนรู้สึกเซ็งก็คือ เหมือนนูเบในภาคนี้ไม่ได้เทพเวอร์เหมือนในภาคที่แล้ว ในขณะที่มืออสูรใหม่ (มืออสูร NEO) ก็รู้สึกว่ามันสู้ของเก่าไม่ได้เลย ซึ่งตรงนี้ทำให้แฟนเก่าๆ รู้สึกว่า มันสนุกสู้ภาคเก่าไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สนุกนะ มันก็ยังสนุกอยู่แหละ แต่ภาคแรกมันขึ้นหิ้งไปแล้วไง ภาคสองก็เหมือนกับเป็นการตามรอยความสำเร็จของภาคแรก ที่สามารถขายแฟนเก่าได้ ในขณะที่แฟนใหม่ๆ ก็ยังอ่านได้สนุกอยู่นะ..
เอาเป็นว่า ถ้าชอบแนวนี้ก็อ่านได้ครับ ถ้าชอบมืออสูรภาคแรก ก็อ่านได้ แม้จะไม่สนุก ไม่อิน ไม่ประทับใจเท่าภาคก่อน แต่ผมก็อ่านมาได้เรื่อยๆ ตั้ง 15 เล่มล่ะนะ (เรื่องนี้บ้านเราออกเร็วมากนะ ตามญี่ปุ่นเล่มเดียวเอง)