ในช่วงหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา ผมใช้เวลาวันหยุดไปกับการเล่มเกม และสะสางนั่งดูซีรี่ส์ที่ค้างคามานานให้จบ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Final Fantasy XIV Dad of Light ซีรี่ส์ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2017 และบ้านเราก็มีให้ดูผ่านทาง NETFLIX ซึ่งผมเชื่อว่า หลายๆ คนน่าจะดูจบกันไปนานแล้ว เพราะมันมีความยาวแค่ 7+1 ตอน แถมตอนนึงก็ยาวไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตั้งใจนั่งดูจริงๆ แป๊บเดียวก็จบแล้ว (แต่ก็อุตส่าห์ดองไว้ข้ามปีเลยทีเดียว)
Final Fantasy XIV Dad of Light เป็นซีรี่ส์ที่ว่ากันว่าสร้างจากเรื่องจริงของ Ichigeki Kakusatsu SS Nikki ผู้เล่นเกม Final Fantasy XIV คนหนึ่งที่เขียน blog ที่ใช้ชื่อว่า Hikari no Otōsan บอกเล่าเรื่องราวระหว่างตัวเขากับพ่อในวัยเกษียณที่ถูกชักชวนให้มาเล่นเกม Final Fantasy XIV ด้วยกัน ซึ่งตัว blog นั้นมีคนเข้าไปอ่านเป็นจำนวนมากจนถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ในที่สุด
ซึ่งตัวซีรี่ส์นั้นก็มีการดัดแปลงจากเนื้อเรื่องใน blog อยู่ไม่น้อย โดยเนื้อเรื่องในละครจะเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกอินาบะ ซึ่งในอดีต อินาบะ ฮิโรทาโร่(พ่อ) ได้เคยซื้อเกมไฟนอล แฟนตาซี 3 (แฟมิค่อม) ให้ อินาบะ อากิโอะ ลูกชายเล่นด้วยกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากทั้งสองจะคุยกันน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว อินาบะคนพ่อก็กลับกลายเป็นคนบ้างานเสียจนไม่มีโอกาสได้เล่นเกมด้วยกันอีก จนกลายเป็นช่องว่างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกขึ้นมา
จนกระทั่งวันหนึ่ง อินาบะ(พ่อ) ก็ลาออกจากงานโดยที่ไม่มีใครในครอบครัวทราบสาเหตุ และดูเหมือนว่า เจ้าตัวเองพอออกจากงานแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร อินาบะ(ลูก)เห็นพ่อเป็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับพ่อยังไงดี ก็เลยซื้อเครื่อง PS4 และเกม Final Fantasy XIV ให้พ่อเล่น โดยหวังว่าจะใช้เกมนี้เป็นตัวสานความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ขาสดหายไปให้ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่อินาบะคนลูก(ในเกมใช้ชื่อว่าไมดี้) ได้คอยให้ความช่วยเหลือพ่อของตนในการเล่นเกม และชวนพ่อเข้าร่วมปาร์ตี้ โดยไม่เปิดเผยตนว่า ตัวเอง(ไมดี้-เป็นตัวละครเพศหญิง) เป็นลูกชาย และตั้งใจจะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดกับพ่อ (ในเกมใช้ชื่ออินดี้โจนส์)ภายหลังจากที่พิชิตบอส “ทวินทาเนีย” ไปแล้ว
เนื้อเรื่องในช่วงแรกๆ นั้นจะเป็นการอธิบายถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของพ่อลูกอินาบะ และเรื่องราวในเกม Final Fantasy XIV ซึ่งการเล่าเรื่องก็จะมีทั้งพาร์ทที่เป็นตัวนักแสดง และพาร์ทที่่เล่าเรื่องราวผ่านคาแรกเตอร์ในเกม ซึ่งไมดี้(ลูกชาย)ก็จะค่อยๆ เรียนรู้เรื่องราวของพ่อตนผ่านการเล่นเกม ส่วนอินดี้โจนส์(พ่อ)ซึ่งปกติเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งในโลกแห่งความเป็นจริงก็จะค่อยๆ เปิดใจกับเพื่อนๆ ในเกมมากขึ้นจนทำให้ไมดี้เริ่มรู้จักตัวตนที่แท้จริงของพ่อ รวมถึงความลับที่อินดี้โจนส์ปิดบังเอาไว้ไม่บอกคนในครอบครัวด้วย
ในขณะที่ไมดี้(ลูกชาย) ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเกี่ยวกับพ่อของตน เขาก็เริ่มลังเลที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับพ่อของเขา เพราะความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและพ่อในเกมกำลังไปได้ด้วยดี แต่การหงายไพ่เฉลยความจริงออกมา อาจทำลายความสัมพันธ์นี้ลง และนำมาซึ่งความผิดหวังหรือเปล่า นั่นทำให้ไมดี้รู้สึกลำบากใจไม่น้อย ในขณะที่ความจริงที่พ่อของตนปิดบังเอาไว้ก็เริ่มที่จะถูกเปิดเผยออกมา และกลายเป็นเงื่อนเวลาที่อาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลง
ต้องยอมรับครับว่า Final Fantasy XIV Dad of Light เป็นละครในมุมมองใหม่ที่แปลกและแตกต่างจากละครทั่วไป ทั้งที่จริงๆ มันก็เป็นเรื่องราวธรรมดาที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในครอบครัวยุคปัจจุบัน แต่กลับเป็นเรื่องธรรมดาที่ถูกมองข้ามไปในโลกที่ช่องว่างระหว่างวัยหรือ Generation Gap กำลังถูก Disruption โดยเทคโนโลยี การใส่หน้ากากที่เรียกว่า avatar กลับกลายเป็นการถอดหน้ากากทางสังคมของผู้คน ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้คนลดลง จากเดิมที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ผู้คนเริ่มห่างเหิน แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็ทำให้ผู้คนที่เคยห่างเหินกลับมาเปิดใจเข้าหากันผ่านตัวตนที่แท้จริงมากขึ้น
คียเวิร์ดของเรื่องนี้ จริงๆ ก็คือการเรียนรู้ตัวตนซึ่งกันและกัน แม้ในความเป็นจริง ฝ่ายที่เรียนรู้ก็คือไมดี้ที่แทบไม่เคยรู้เรื่องราวของพ่อเลย ส่วนตัวพ่อนั้นแม้จะไม่รู้ว่าไมดี้เป็นลูกของตน แต่ก็ได้เรียนรู้สังคมและมิตรภาพที่มีมากกว่าชีวิตการทำงานที่ตนทุ่มเทให้ตลอดชีวิตจนเผลอละเลยอะไรหลายๆ อย่างไป ซึ่งทั้งหมดถูกเล่าเรื่องผ่านพล็อตที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน แต่กลับให้ความรู้สึก Feel Good อย่างน่าประหลาด รวมถึงซับพล็อตเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจ อย่างเพื่อนสาวของอากิโอะที่เคยคิดออกจากงานด้วยเหตุผลเล็ก ๆ ที่คาดไม่ถึง หรือรุ่นพี่ที่ยึดเอาการ์ตูนเรื่อง ชิมะ โคซากุ เป็นแบบอย่าง มันทำให้รู้สึกว่าละครเรื่องนี้ดู Real และเป็นเรื่องธรรมดาที่ใกล้ตัว ที่อาจจะเกิดกับใครก็ได้
และล่าสุด Final Fantasy XIV Dad of Light ก็ประกาศสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว แถมมีกำหนดฉายในเดิอนมิถุนายนนี้ด้วย โดยในฉบับภาพยนตร์นั้นได้คุณ ซากางุจิ เคนทาโร่ มารับบทเป็นลูกชาย และได้คุณ โยชิดะ โคทาโร่ มารับบทเป็นพ่อ ซึ่งคาแรกเตอร์นั้นดูต่างจากเวอร์ชั่นทีวีอยู่บ้าง แต่อวาตาร์ในเกมนั้นเหมือนเดิมเด๊ะเลย(ฮา) เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสฉายในบ้านเราก็คงไปดูแหละครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะต่างจากเวอร์ชั่นทีวีมากน้อยแค่ไหน ที่แน่ๆ คือ งานนี้ Square-Enix ได้โปรโมตเกม Final Fantasy XIV ไปแบบสบายๆ ต่อเนื่องเลย(ฮา)