เด็กที่โตมาในยุค 90 คงจะรู้จักนิตยสาร C-KIDS กันเป็นอย่างดี เพราะ C-KIDS ถือได้ว่าเป็นนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์เล่มสุดท้ายของประเทศไทยที่มีอายุยืนนานกว่า 22 ปี และได้ตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องดังๆ เอาไว้มากมาย โดยเฉพาะการ์ตูนในยุคแรกของ C-KIDs นั้น ถือได้ว่า “ดัง” ทุกเรื่อง ทั้งที่ตอนนั้น C-Kids ไม่ได้ตีพิมพ์ดราก้อนบอล ที่เป็นเหมือนจุดสูงสุดของวงการการ์ตูนในยุค 90 แต่การ์ตูนที่ C-Kids เลือกมาลง บางเรื่องนั้นตอนแรกไม่มีใครคิดว่าจะดังได้ด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นการ์ตูนฮิตติดลมบนจนกลายเป็นอนิเมแทบทุกเรื่องเลย
และหนึ่งในการ์ตูนฮิตของ C-Kids นั้นก็ต้องมีเรื่อง Dragon Quest: Dai no Daibōken หรือ ได ตะลุยแดนเวทมนตร์อยู่ด้วยแน่นอน ผลงานการ์ตูนที่สร้างจากวิดีโอเกมชื่อดังที่ออกแบบตัวละคร(ในเกม)โดย โทริยามะ อากิระ ซึ่งถูกถ่ายทอดการ์ตูนโดย อินาดะ โคจิ นักเขียนที่ดึงเอาตัวละครในสไตล์ อ.โทริยามะ มาสร้างสรรค์เป็นแนวทางของตนเองได้สำเร็จ ส่วนเรื่องนั้นแต่งโดย ซันโจ้ ริคุ ซึ่งแฟนๆ รุ่นใหม่ๆ จะคุ้นชื่อของเขาดีจากผลงานเขียนบทหนังฮีโร่เรื่องดังๆ อย่าง Kamen Rider W ,Kamen Rider Fourze, Zyuden Sentai Kyoryuger และ Kamen Rider Drive เป็นต้น
ตอนแรกนั้น ได ตะลุยแดนเวทมนตร์ ถูกเขียนขึ้นมาเป็นการ์ตูนสั้นตอนพิเศษ เกี่ยวกับเด็กหนุ่มไดที่ถูกเลี้ยงดูมอนสเตอร์ในเกาะเดลมุริน ซึ่งเป็นเกาะที่มีแต่มอนสเตอร์และไดเป็นมนุษย์คนเดียวในเกาะนั้น แต่ไดกลับถูกผู้กล้าปลอมใช้เล่ห์เหลี่ยมเข้ามาลวงหลอกไดที่อยากเป็นผู้กล้าจนถูกแย่งชิง “โกเมะจัง” เพื่อนคนสำคัญที่เป็นโกลเด้นเมตัลสไลม์ที่หาได้ยากยิ่งไป ไดจึงบุกเข้าเมืองไปชิงตัวโกเมะจังและเปิดเผยแผนการร้ายของผู้กล้าปลอมได้สำเร็จ ซึ่งเนื้อหาเหมือนจะจบลงตรงนี้ แต่เป็นเพราะความนิยมหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้เรื่องราวของได ถูกเขียนต่อออกมาอีก และได้ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 1989-1996 มีรวมเล่มมากถึง 37 เล่มเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องหลักของได จะกล่าวถึงการคืนชีพของจอมราชาปีศาจฮาดลาร์ (หรือ ฮาโดร่า) และการมาเยือนเกาะเดลมุรินของผู้กล้าอวานเพื่อที่จะฝึกฝนให้ไดเป็นผู้กล้าที่แท้จริง แต่สุดท้ายอวานก็ต้องต่อสู้เพื่อแลกชีวิตกับฮาดลาร์ที่บุกมาที่เกาะเดลมุรินซึ่งนั่นทำให้พลังของสัญลักษณ์มังกรของไดตื่นขึ้นและทำให้ฮาดลาร์รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของไดว่า อาจจะเป็นอัศวินมังกรในตำนาน ทว่าฮาดลาร์ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่นั้น เป็นแค่เพียงลูกน้องของจอมราชาปีศาจเวิร์น จอมเทพปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในผืนพิภพ ผู้ปรารถนาที่จะเผาทำลายโลกให้หมดสิ้น ซึ่งไดและเหล่าลูกศิษย์ของอวาน อันประกอบด้วย ป๊อป (จอมเวท) มาม (นักสู้) ฮุนเคล (หรือฮิวเกล) และ เจ้าหญิงเลโอน่า ต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายของเวิร์นให้ได้
แม้เนื้อเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้จะอ้างอิงมาจากเกมดราก้อนเควสต์ แต่เอาจริงๆ แล้วคาแรกเตอร์ของเรื่องนั้นกลับโดดเด่นจนทำให้หลายๆ คนอาจไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นดราก้อนเควสต์ด้วยซ้ำ เพราะเอาจริง เกมดราก้อนเควสต์นั้น โดดเด่นที่มอนสเตอร์ แต่เรื่องนี้กลับทุ่มไปที่ตัวละครที่เป็นออริจินอลมากกว่า ซึ่งคาแรกเตอร์ในเรื่องออกแบบได้ดีและมีมิติของตัวละครมาก ทั้งฝ่ายผู้กล้าและปีศาจ โดยเฉพาะเหล่าหกขุนพลปีศาจที่ล้วนแต่โดดเด่นจนถึงวาระสุดท้าย แต่ที่ยังให้ความรู้สึกถึงดราก้อนเควสต์อยู่ก็คือ เรื่องของเวทมนตร์คาถา ที่อ้างอิงจากเกมนี่แหละ (แถมยังมีการสร้างคาถาใหม่อีก) ซึ่งก็อย่างที่บอกครับว่า ต้องชมผู้เขียนเรื่องนี้มากๆ ว่า สามารถดึงเอาเกมดราก้อนเควสต์มาสร้างเป็นแนวทางใหม่ในแบบของตนเองได้จริงๆ จนหลังๆ ทั้งสองคนกลับมาจับมือกันเขียนผลงานออริจินอลเรื่อง Beet the Vandel Buster ที่คราวนี้ไม่ได้อ้างอิงจากเกมแล้ว แต่ก็มีแนวทางของตนที่เด่นชัดมาก
ส่วนในบ้านเรา เรื่องนี้ใช้ชื่อ ไดตะลุยแดนเวทมนตร์ ไม่ได้ใช้ชื่อ Dragon Quest เพราะเข้าใจว่ามีประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์ชื่ออยู่ (เพราะดราก้อนเควสต์ ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของ อินิกซ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ สแควร์อินิกซ์ ในปัจจุบัน) แต่บ้านเราก็คุ้นเคยกับชื่อดราก้อนเควสต์มาตั้งแต่ยุคไพเรตแล้ว แถมพอเป็นอนิเมผลงานเรื่องนี้ยังถูกนำมาฉายทางช่อง 9 การ์ตูนในยุคนั้นด้วย และก็ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จไม่น้อย เพราะมีการสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย แถมยังมีของเล่นออกมาขายอีก แต่เนื้อหาอนิเมนั้นจะจบลงแค่รวมเล่ม 9-10 เท่านั้น ซึ่งก็เพราะพอไล่ตามเนื้อหาหนังสือการ์ตูนทันแล้วก็ต้องหยุดสร้าง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้สร้างต่อให้จบตามคอมมิคซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ เลยครับ
ได
ป๊อป
มาม
เจ้าหญิงเลโอน่า
ปล.บทความนี้ เคยเขียนลงนิตยสารเซนชูเมื่อหลายปีก่อน แต่ผมเอามาเขียนปรับแก้ใหม่ และอัพเดทเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันขึ้นครับ