Pokémon Detective Pikachu

ที่ผ่านมา เวลาพูดถึงหนังที่สร้างจากเกม ผลตอบรับที่ออกมาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ขนาดตัวอย่างของโซนิคหนังโรงที่เพิ่งปล่อยออกมายังโดนแฟนๆ ถล่มเสียจนผู้กำกับต้องเรียกกลับไปแก้ใหม่แทบไม่ทัน แต่สำหรับ Pokémon Detective Pikachu นั้น กระแสตอบรับดูเหมือนจะเป็นไปในทางบวกมากกว่าลบ และอาจจะทำให้หลายๆ คนมองหนังที่สร้างจากเกมในแง่บวกมากขึ้น

ก่อนอื่น คงต้องบอกกันก่อนครับว่า Pokémon Detective Pikachu นั้นเป็นหนังไลฟ์แอคชั่นเรื่องแรกของแฟรนไชส์โปเกม่อนที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่มันไม่ได้สร้างมาจากเกมซีรี่ส์หลักของโปเกม่อนนะครับ แต่มันมาจากเกมชุด Detective Pikachu ซึ่งวางจำหน่ายบนเครื่อง 3DS ในปี 2016 เป็นเกมแนว Adventure เล่นคนเดียวที่ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี ทำยอดขายในญี่ปุ่นไปถึง 121,423 ชุด และได้คำวิจารณ์ในแง่ดีจากนักวิจารณ์เกมด้วย

ทว่าเมื่อมีการนำเกมชุดนี้มาสร้างเป็นหนัง ก็ได้มีการดัดแปลงเนื้อหาไปหลายๆ ส่วน ตัวเอกยังคงเป็นทิม กู๊ดแมน เหมือนภาคเกม แต่อัพเกรดอายุขึ้นเป็น 21 ปี แถมยังทำงานเป็นเซลล์ขายประกันอีกต่างหาก แต่อยู่ๆ เขาก็ต้องมาพัวพันกับเรื่องวุ่นวาย เมื่อพ่อของเขาซึ่งเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีหายตัวไป โดยตำรวจบอกว่าพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปแล้ว แต่อยู่ๆ เขาก็ได้พบกับพิคาชูที่เป็นคู่หูของพ่อเขา และดูเหมือนว่าพิคาชูตัวนั้นจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ดันเป็นพิคาชูที่ชอบกินกาแฟ พูดมาก และมีแต่ทิมคนเดียวที่เข้าใจสิ่งที่พิคาชูพูดออกมาด้วย ซึ่งทิมและพิคาชูจะต้องร่วมมือกันสืบหาความจริงเกี่ยวกับการหายไปของพ่อของทิมซึ่งดูเหมือนจะพัวพันกับยาบางอย่างที่ถูกเรียกว่า “อาร์”

จุดเด่นของเรื่องนี้ก็คือ การสร้างโลกที่เต็มไปด้วยโปเกม่อนได้ค่อนข้างลงตัว และไม่ทำให้แฟนๆ รู้สึกผิดหวังมากนัก คือยังมีทั้งส่วนที่น่ารักแบบเวอร์ชั่นเกมผสมผสานกับความเป็น realistic แบบหนังคนแสดงได้ลงตัวระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่โตมากับโปเกม่อนหรือรู้เรื่องราวคาแรกเตอร์ของโปเกม่อนมาบ้างก็จะรู้สึกสนุกไปกับโลกในหนังได้อย่างง่ายดาย เพราะหนังเต็มไปด้วยกิมมิคของเหล่าโปเกม่อนที่แฟนๆ เห็นแล้วรู้สึกว้าวมาก (ล้อกระทั่งเพลงเปิดโปเกม่อน) แต่ในอีกด้านหนึ่ง หากไม่ใช่แฟนโปเกม่อนมาก่อน เวลาเข้าไปดู ก็คงจะเหมือนไปดูหนังเด็กเรื่องหนึ่ง ที่มีตัวการ์ตูนสีสวยๆ เดินไปเดินมาเท่านั้นเอง แถมเนื้อหาบางช่วงก็ยังน่าเบื่อชวนหลับอีก

ในอีกด้านหนึ่ง ก็ต้องยอมรับว่า การแสดงของ จัสติน สมิธ (ทิม) นั้นยังดูไม่ค่อยลงตัว และไม่สามารถสร้างความรู้สึกอินไปกับเรื่องราวได้เลย ทั้งที่จริงๆ หนังมันมีฉากชวนดราม่าเยอะนะ แต่ออกมาจืดสนิท แสดงได้ไร้อารมณ์พอๆ กับนางเอกที่มีดีแค่ความน่ารักอย่างเดียวจริงๆ (โอเค เธอน่ารัก เราให้อภัย) ที่เล่นดีที่สุดก็คือตัวพิคาชูที่ได้ไรอัน เรย์โนลส์(เดดพูล)มาพากย์นั่นแหละครับ ตัวแบกเรื่องของแท้เลยล่ะ (เรามาถึงยุคที่ CG แสดงดีกว่ามนุษย์แล้วหรือนี่..) และอีกจุดหนึ่งที่ผมดูแล้วขัดอารมณ์มากๆ ก็คือบทซับภาษาไทย ที่ใช้ชื่อโปเกม่อนตามเวอร์ชั่นญี่ปุ่น แต่เสียงพากย์ต้นฉบับดันใช้ชื่อตามเวอร์ชั่นเกมภาษาอังกฤษ พอดูไปดูมาก็จะเริ่มสับสนครับ ถ้านึกไม่ออกก็เหมือนกับดูโปเกม่อนใน Netflix นั่นแหละครับ (พากย์ชื่ออังกฤษแต่ซับเป็นตัวญี่ปุ่น) ถ้าจะดูแบบซาวด์แทรกให้สนุกก็ไม่ควรอ่านซับเลย มันจะชวนงง หรือถ้าเลือกได้ดูพากย์ไทยไปเลยก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

โดยสรุป Pokémon Detective Pikachu เป็นหนังจากเกมที่ทำออกมาได้ดูดี แต่ไม่สุด บทยังคาดเดาง่าย และนักแสดงก็ยังเล่นได้แข็งโป๊กจนน่าเขกกะโหลก แต่ทีมงานสร้างโลกของโปเกม่อนออกมาได้ดูน่าตื่นตาดีครับ โปเกม่อนเด่นๆ ที่แฟนๆ ชื่นชอบก็โผล่ออกมามากมายทั้งจากภาคเก่าและใหม่มากน้อยคละกันไป แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จักโปเกม่อนมาก่อนเข้าไปดูก็อาจหลับคาโรงได้เหมือนกัน เพราะเนื้อเรื่องบางช่วงมันก็อืดจริงๆ ซึ่งถ้าวัดที่เนื้อเรื่อง ผมยังชอบหนังโรงเวอร์ชั่นอนิเมมากกว่านะ แต่แบบไลฟ์แอ๊คชั่นมันก็ดูแปลกใหม่ไปในอีกรูปแบบหนึ่ง แถมรายได้เปิดตัวในบ้านเราก็ดูดีกว่าแบบอนิเมหลายเท่าเลย