[NETFLIX] Kaguya-sama: Love Is War

ในบรรดาอนิเมที่สร้างจากต้นฉบับหนังสือการ์ตูนที่ทำออกมาได้ดีเกินความคาดหมาย ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ผมยกให้ Kaguya-sama: Love Is War หรือชื่อไทย สารภาพรักกับคุณคางุยะซะดี ๆ ~สงครามประสาทความรักของเหล่าอัจฉริยะ~ เป็นเรื่องที่ทำออกมาได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง

ผลงานเรื่องนี้ สร้างจากต้นฉบับหนังสือการ์ตูนของค่ายชูเอย์ฉะ ที่มีแปลเป็นลิขสิทธิ์ภาษาไทยออกมาแล้ว ซึ่งตัวหนังสือการ์ตูนนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย ทำยอดขายรวมไปถึง 6 ล้านเล่ม (ปัจจุบันออกมาแล้ว 14 เล่ม) มีแตกไลน์ไซด์สตอรี่ออกมาอีก 2 เวอร์ชั่น และพอถูก A-1 Pictures นำมาทำเป็นอนิเม ก็ดัดแปลงเนื้อหาออกมาได้ดีกว่าที่หลายคนคาดไว้ จนกลายเป็นอนิเมที่ได้รับผลตอบรับดีที่สุดเรื่องหนึ่งในช่วงต้นปีนี้

อัจริฉยะ vs อัจฉริยะ ที่ทุกคนมองว่าเหมาะสมกัน แต่ไม่ยอมเป็นแฟนกันเพราะ?

สำหรับพล็อตเรื่องนั้นก็เรียบง่ายมากครับ คือตัวเอกสองคน ชิโนมิยะ คางุยะ รองประธานนักเรียนที่มาจากตระกูลร่ำรวยระดับท็อปของญี่ปุ่น แถมยังเรียนเก่งเป็นอันดับ 2 กับ ชิโรกาเนะ มิยูกิ ประธานนักเรียนผู้มีผลการเรียนดีเด่นอันดับ 1 นั้นชอบกันอยู่ แต่ต่างฝ่ายต่างมีทิฐิไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อน ก็เลยวางแผนที่จะหลอกล่อให้อีกฝ่ายให้เป็นฝ่ายที่สารภาพรักกับตนให้ได้ ด้วยความเป็นอัจฉริยะของทั้งสองคน ความรักของทั้งสองจึงเป็นเหมือนสงครามที่ชิงไหวชิงพริบขบเหลี่ยมกันชนิดไม่มีใครยอมใคร ซึ่งโครงเรื่องที่ง่ายแต่แหวกแนวแบบนี้ใครจะไปคิดว่าจะกลายเป็นเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จนหลังๆ แทบจะเดาทางกันไม่ถูกเลย

ฟุจิวาระ จิกะ ตัวขโมยซีนที่เป็นยิ่งกว่าคนตบมุกประจำเรื่อง

แม้เนื้อหาจะโฟกัสไปที่สองตัวละครหลัก แต่ในเรื่องก็ยังมีตัวละครอื่นๆ ที่เข้ามาสอดแทรกความสัมพันธ์ของทั้งสองอย่าง ฟุจิวาระ จิกะ เลขาสภานักเรียนสุดต๊องที่เป็นเพื่อนกับคางุยะมาตั้งแต่เด็กและเป็นตัวขโมยซีนดีเด่นประจำเรื่องชนิดอยากจะถวายออสการ์ตัวประกอบดีเด่นให้เลย เพราะจิกะนี่แหละกลายเป็นตัวละครหลักที่ทำให้ผมดูเรื่องนี้จนจบรวดเดียวเลย (ขนาด ED ของจิกะ ยังตามหลอนหูผมถึงตอนนี้) และอิชิงามิ ยู รุ่นน้องในสภานักเรียนตำแหน่งเหรัญญิกที่เป็นโอตาคุตัวพ่อแถมยังมักจะมองโลกในแง่ร้าย แต่กลับเป็นคนเอาการเอางานที่สุดในสภานักเรียนคนหนึ่ง..ยกเว้นเรื่องเรียนที่แทบจะคาบเส้นหวิดตก เพราะวันๆ เจ้าตัวเอาแต่เล่นเกมนี่แหละ

กว่าอิชิงามิจะมีบทในอนิเม ก็ปาเข้าไปครึ่งเรื่องแล้ว

ทั้งสี่คนกลายเป็นส่วนประกอบที่ทำให้การ์ตูนที่มีแต่บทสนทนาในโรงเรียนเรื่องนี้ดูสนุกและน่าสนใจเกินคาด แถมความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องก็มีการเติบโตและพัฒนาการได้อย่างน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วผมก็ยอมรับว่าฉบับคอมมิคเรื่องนี้สนุกและน่าสนใจนะ แต่ผมชอบลายเส้นในเวอร์ชั่นอนิเมที่ดูสีสันสดใสกว่า และงานอนิเมของ A-1 นั้น แม้จะไม่ถึงกับขั้นเทพ แต่ก็ไว้วางใจได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอนิเมแนวเลิฟคอมเมดีที่เป็นแนวทางที่ถูกโฉลกกับค่ายนี้เหลือเกิน (แต่จริงๆ A-1 ทำอนิเมหลากหลายแนวมากนะ ถือเป็นค่ายที่งานชุกค่ายหนึ่ง อย่างปีนี้ก็มี SAO อีกเรื่อง)

จิกะ มีเพลง ED เป็นของตัวเองในตอนที่ 3 และทำให้ผมหลอนเพลงนี้ไปพักใหญ่เลยล่ะ

ตอนที่อนิเมเรื่องนี้ฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อต้นปี ก็ดูเหมือนว่ากระแสตอบรับจะดีมาก โดยเฉพาะท่าเต้นของจิกะใน ED พิเศษที่ใช้ในตอนที่ 3 ที่กลายเป็น Meme ไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน น่าแปลกที่กระแสในบ้านเรากลับพูดถึงกันน้อยกว่าที่คิดเอาไว้พอสมควรเลย แต่ตอนนี้ Netflix ก็เอาอนิเมเรื่องนี้มาลงให้ชมกันครบทุกตอนแล้วนะครับ ถ้าใครมี Netflix อยู่ก็เปิดชมกันได้เลย

ซึ่งไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าปีสองปีนี้ Netflix เริ่มรุกตลาดอนิเมเยอะขึ้นกว่าเดิมมาก เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้ดูก็เอามาให้ดูกัน ก็แอบหวังว่าพอ Netflix เอาเรื่องนี้มาลง ก็น่าจะมีคนพูดถึงเรื่องนี้เยอะขึ้นนะ ส่วนซีซัน 2 นี่ก็ลุ้นอยู่พอสมควร เพราะกระแสตอบรับค่อนข้างดี เนื้อหาในต้นฉบับยังมีอีกพอควร และตัวละครเด่นๆ บางตัวก็ยังไม่ได้มีบทในซีซัน 1 เลยด้วย..ถ้าจะทำต่อก็รีบๆ ทำเถอะนะ รอดูอยู่ (ปล.เรื่องนี้มี Live Action ด้วยนะ กำลังจะฉายโรงที่ญี่ปุ่นกันยายนนี้ด้วย)