Modest Heroes : Ponoc Short Films Theatre

Modest Heroes เป็นโปรเจคอนิเมสั้นของ Studio Ponoc ซึ่งเป็นสตูดิโอที่ก่อตั้งโดยทีมงานของสตูดิโอจิบลิที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ซึ่งผลงานของสตูดิโอนี้ที่ดังๆ ก็มี Mary and the Witch’s Flower ที่ฉายโรงไปเมื่อปี 2017 และก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ทำเงินไปเกือบๆ 3 พันล้านเยนทีเดียว

ซึ่งอันที่จริงเดิมที โปรเจค Modest Heroes จะเป็นผลงาน 4 เรื่อง จาก 4 ผู้กำกับครับ ทว่าหนึ่งใน 4 ผู้กำกับนั้นก็คือคุณ ทาคาฮาตะ อิซาโอะ ผู้กำกับสุสานหิ่งห้อย ได้เสียชีวิตไปเสียก่อนเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2018 ทำให้โปรเจคนี้เหลืออนิเมแค่ 3 เรื่องเท่านั้นครับ แต่ทั้ง 3 เรื่อง ก็มีแนวทางที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร

คานินิ และ คานิโอะ (คานิ แปลว่าปู)

เรื่องแรก Kanini & Kanino ผลงานของ โยเนบายาชิ ฮิโรมาสะ ผู้กำกับ Mary and the Witch’s Flower ที่ทำออกมาในแนวแฟนตาซีสไตล์จิบลิ ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องมนุษย์ปู คานินิ และคานิโอะ กับการผจญภัยในลำธาร (หรือแม่น้ำดีล่ะ) เป็นเรื่องที่ดูอบอุ่นสไตล์ครอบครัวแบบการ์ตูนจิบลิมาก ๆเลยครับ

ชุน เด็กชายผู้แพ้ไข่

เรื่องที่สอง Life Ain’t Gonna Lose (ชื่อญี่ปุ่นใช้ ซามูไรเอ้ก) เรื่องของเด็กที่เป็นโรคแพ้ไข่ ที่พอกินอาหารที่มีไข่เป็นส่วนประกอบอาจทำให้เกิดอาการแพ้จนถึงตายได้ เนื้อหาค่อนข้าง realistic แต่ดูแล้วก็ได้เปิดโลกทัศน์ที่มีต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ ว่าทางครอบครัวต้องเผชิญกับอะไรบ้าง อนิเมสั้นเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดย โมโมเสะ โยชิยูกิ ลูกหม้อของสตูดิโอจิบลิอีกคนหนึ่ง

คนให้เสียงมนุษย์ล่องหน ก็คือ โอดางิริ โจ ที่เคยรับบทไรเดอร์คูกะนั่นเองครับ

เรื่องที่สาม Invisible ผลงานแนวแปลก ผิดกับแนวทางค่ายนี้อย่างบอกไม่ถูก เรื่องราวของมนุษย์ตัวตนที่นอกจากจะล่องหนแล้วยังไร้ตัวตน แถมยังไร้น้ำหนักถึงขนาดไปไหนมาไหนต้องหอบถังดับเพลิงเอาไว้ไม่ให้ตัวเองถูกลมพัดปลิว แล้วทำไมคนไร้ตัวตนอย่างเขา ต้องมาทำตัวเป็นฮีโร่ด้วยล่ะ? อนิเมชั่นเรื่องนี้กำกับโดย ยามาชิตะ อาคิฮิโกะ ซึ่งก่อนนี้ทำหน้าที่เป็นทั้งอนิเมเตอร์และคาแรกเตอร์ดีไซน์เสียเป็นส่วนใหญ่ ผลงานดังๆ ที่ผ่านมาเช่น Howl’s Moving Castle เป็นต้น ส่วนผลงานเรื่องนี้ก็เป็นงานกำกับเต็มตัวเรื่องที่ 2 ต่อจาก A Sumo Wrestler’s Tail การ์ตูนสั้น 13 นาทีที่ทำออกมาเพื่อฉายในจิบลิมิวเซียมเมื่อปี 2010

ทั้งสามเรื่องถือเป็นการตีความคำว่า “ฮีโร่” (英雄)ในมุมมองของผู้กำกับแต่ละคน ทั้งในโลกแฟนตาซี โลกแห่งความจริง ไปจนถึงการตีความแบบตลกร้าย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นฮีโร่ตัวเล็กๆ ไม่ใช่วีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ทำให้ผู้ชมพอรู้สึกอิ่มเอมใจ และมองโลกในแง่บวกได้บ้าง และแน่นอนว่า ทั้ง 3 เรื่อง ยังมีกลิ่นอายของความเป็นจิบลิอยู่ เพียงแต่เป็นการตีความอนิเมของจิบลิออกมาใหม่ในมุมที่แตกต่างกันไป แต่ดูเหมือนว่าในแง่ผลตอบรับอาจจะดูเงียบๆ ไปสักนิด จนไม่มั่นใจว่าที่บอกว่าเป็น Ponoc Short Films Theatre, Volume 1 นี่จะมี Volume 2 ตามมาอยู่หรือเปล่า..

แต่ถ้าใครมี Netflix อยู่แล้วก็ลองเปิดดูได้ครับ อาจจะไม่ยาวมากนัก แต่ก็พอที่จะทำให้หายคิดถึงผลงานสไตล์จิบลิไปได้บ้าง