โดราเอม่อน ฉบับภาพยนตร์จอเงิน ได้สร้างมาถึงภาคที่ 39 และยังคงได้รับการตอบรับจากแฟนๆ อย่างดีเยี่ยม ทั้งในญี่ปุ่นและไทย โดยในภาคนี้จะใช้ชื่อว่า โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ตอน โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา
ซึ่งเนื้อเรื่องของภาคนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปยังดวงจันทร์ของพวกโนบิตะ โดยจุดเด่นของภาคนี้ก็คือ คนเขียนบทที่ได้คุณ ทสึจิมุระ มิซึกิ นักเขียนนิยายชื่อดังดีกรีรางวัลนาโอกิ มาแต่งเรื่องให้ ซึ่งคุณทสึจิมุระนั้นเป็นแฟนของการ์ตูนชุดโดราเอม่อนอยู่แล้ว และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ตอนพิเศษของโดราเอม่อน จะมีเนื้อหาหลักที่เกี่ยวข้องกับดวงจันทร์ด้วยครับ
จุดที่น่าสนใจก็คือ การที่บทภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนโดยนักเขียนนิยายชื่อดัง ทำให้พล็อตของเรื่องนั้นแตกต่างจากโดราเอม่อนเรื่องอื่นๆ เพราะถึงแม้จะเป็นการ์ตูนเด็ก แต่ก็มีโครงเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น และมีความเป็นหนังไซไฟสูงมากครับ ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าเกิดตัวละครหลักของเรื่องไม่ใช่โดราเอม่อนล่ะก็ เนื้อเรื่องภาคนี้ถือได้ว่าค่อนข้างซีเรียสและจริงจังพอควรเลย
แต่พอใส่ความเป็นโดราเอม่อนเข้าไป มันก็เลยมีส่วนผสมของความเป็นหนังไซไฟ กับหนังครอบครัวแบบโดราเอม่อน ที่กลมกลืนกันได้ในระดับหนึ่ง..แต่ไม่สุด เพราะความที่มันมีกรอบของการ์ตูนเด็ก ที่ต้องการทำให้ผู้ชมที่เป็นเด็กดูแล้วมีความสุข สมหวัง ก็เลยทำให้มันไม่สามารถเค้นความเป็นดราม่าในเนื้อเรื่องออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งที่โครงเรื่องของมันสามารถไปถึงและไปไกลกว่านั้นได้ และเหตุการณ์ในภาคนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นระดับสงครามข้ามจักรวาลเลยทีเดียว
และแน่นอนครับ พอเป็นโดราเอม่อนหนังโรง ก็ต้องมีตัวละครใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในเรื่อง ภาคนี้ก็เช่นกันครับ แต่ที่ต่างออกไปก็คือ ภาคนี้มีตัวละครใหม่เยอะมาก..เยอะเสียจนผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า บางตัวชื่ออะไร แถมบางตัวก็ไม่มีชื่อปรากฏในเนื้อเรื่องด้วย แต่แน่นอนครับ บทเด่นก็จะไปอยู่กับลูกะ ที่จะมาเป็นเพื่อนของโนบิตะในภาคนี้ ซึ่งจะเน้นไปที่มิตรภาพของลูกะกับโนบิตะเป็นพิเศษ (จนบางทีก็แอบจิ้นวายได้)
แต่ส่วนตัวผมชอบลูนะมากกว่า แม้บทจะไม่เด่นเท่าลูกะ แต่ก็เป็นตัวละครหญิงในโดราเอม่อนหนังโรงที่โมเอะและเด่นกว่าซิซูกะอีกครับ นอกจากนี้ในส่วนของตัวร้ายก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะดูแล้วมีความเหมาะสมที่จะเป็นตัวร้ายในแบบหนังไซไฟจริงๆ แม้มันจะชวนให้นึกถึงตัวร้ายในโดราเอม่อนหนังโรงภาคหนึ่งในอดีตอยู่บ้างก็ตาม
ถ้าถามผม โดยส่วนตัว ผมยังชอบโดราเอม่อนหนังโรงภาคปีที่แล้วมากกว่า เพราะเป็นภาคที่ดูสนุก และลงตัวที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่สำหรับโดราเอม่อนภาคนี้ ก็ถือเป็นอีกอรรถรสหนึ่งที่น่าสนใจ และมีความกล้าที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงยังอุดมไปด้วยอีสเตอร์เอ้กสำหรับแฟนๆ โดราเอม่อนรุ่นใหญ่ ที่จะมีจุดที่เชื่อมโยงกับโดราเอม่อนภาคก่อนๆ อยู่ไม่น้อยเลยครับ เชื่อแน่ว่า แฟนๆ โดราเอม่อนตัวจริง น่าจะชอบหนังโรงภาคนี้นะ
ปล.ขอชมว่า หนังตัวอย่างรวมถึงข้อมูลโปรโมตที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ ซ่อนเนื้อเรื่องได้ค่อนข้างดี คือไม่ได้ปล่อยข้อมูลสำคัญออกมาสักเท่าไหร่ ทำให้เวลาดูโดราเอม่อนภาคนี้แล้ว รู้สึกว้าวกับเนื้อหาที่ซ่อนเอาไว้อยู่พอสมควรเลยครับ