แม้ว่าโปรเจคนี้จะทำออกมาให้ดูกันมานานกว่า 4 ปีแล้ว แต่ผมเพิ่งมีโอกาสได้มานั่งดูไตรภาคก็อตซิลล่าฉบับอนิเม ที่ประกอบด้วยภาพยนตร์ 3 เรื่อง Godzilla: Planet of the Monsters , Godzilla: City on the Edge of Battle และ Godzilla: The Planet Eater จบไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองครับ ถือเป็นการอุ่นเครื่องที่จะดู Godzilla Singular Point ที่กำลังจะลง Netflix ในเดือนนี้พอดีเลย
สำหรับไตรภาคก็อตซิลล่าฉบับอนิเมนั้น กระแสที่มาจากผู้ชมออกมาในทำนองว่า ถ้าไม่ชอบก็จะเกลียดไปเลย เพราะมันเป็นหนังก็อตซิลล่าในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เราจะไม่เห็นภาพก็อตซิลล่าถล่มเมือง อาละวาดเอามันส์แบบภาคอื่นๆ เพราะนี่คือโลกที่ถูกก็อตซิลล่ายึดครองมานานแล้วกว่าสองหมื่นปี จนกลายเป็นดาวเคราะห์สัตว์ประหลาดไปแล้ว
มนุษย์ชาติได้ร่วมมือกับมนุษย์ต่างดาวอพยพหนีก็อตซิลล่าออกไปจากโลกเพื่อหาดาวเคราะห์อื่นอยู่อาศัยแต่สุดท้ายกลับไปไม่รอด ต้องย้อนกลับมาที่โลกอีกครั้ง โดยซูซูกิ ตัวเอกของเรื่อง ได้คิดแผนที่จะจัดการกับก็อตซิลล่าขึ้นมา ทว่าเวลาที่มนุษย์ท่องพเนจรในอวกาศแค่ไม่กี่สิบปีนั้น กลับเป็นเวลานานถึงสองหมื่นปีบนโลก และตอนนี้โลกก็ได้กลายเป็นดาวเคราะห์ที่ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับก็อตซิลล่าไปแล้ว แถมพี่ก็อตของเรายังตัวใหญ่มหิมาระดับ 300 เมตรอีกต่างหาก
ด้วยมือเขียนบทระดับจอมมาร อุโรโบชิ เก็น (Puella Magi Madoka Magica,Fate/Zero) งานที่ออกมาจึงเต็มไปด้วยปรัชญาการเมือง ศาสนา และการแทรกความหมายเชิงสัญญะเต็มไปหมด แน่นอนว่ามันยังมีความเป็นก็อตซิลล่าอยู่ในเนื้อเรื่อง แต่ทั้งเมก้าก็อตซิลล่า คิงคิโดร่า และมอธร่า ต่างก็ถูกตีความออกมาใหม่ซึ่งก็อย่างที่บอกครับ หากชอบ ก็จะรู้สึกว่ามันเจ๋งมาก (ผมชอบการตีความเมก้าก็อตซิลล่าในภาคสองนะ) แต่ถ้าเกลียด ก็จะเกลียดไปเลย เพราะมันกลายเป็นหนังสัตว์ประหลาดที่มีแต่การพูดคุย โต้เถียง ตั้งแต่ระดับวิทยาศาสตร์ไปจนถึงศาสนาเทวา โดยมนุษย์นั้นกลายเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างควมขัดแย้งของมนุษย์ต่างดาวสุดโต่งสองเผ่าพันธ์ และสัตว์ประหลาด ที่ต่างฝ่ายต่างจับตามองสถา่นการณ์ที่เกิดขึ้นในบริบทที่แตกต่างกันออกไป
ตัวอนิเมทำออกมาในรูปแบบ computer-animated โดย Polygon Pictures ที่เคยทำ Transformers: Robots in Disguise และ Ajin: Demi-Human มาก่อน แม้จะเป็นอนิเมญี่ปุ่นแต่ตัวงานค่อนข้างดูเป็นสากล โดยตอนที่ฉายโรงที่ญี่ปุ่นนั้นก็พอประสบความสำเร็จทางรายได้อยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก (ภาคแรกได้ราวๆ 300 ล้านเยน ซึ่งถือว่าดีสุดในไตรภาคนี้แล้ว) ส่วนแฟนๆ ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกสามารถรับชมได้ผ่านทาง Netflix ครับ แต่บอกก่อนว่า ทำใจก่อนดูด้วยนะ ว่ามันอาจจะไม่ใช่หนังสัตว์ประหลาดอย่างที่เราคาดหวังไว้ ไม่งั้นจะ fail เปล่าๆ แต่ก็ถือเป็นการตีความที่น่าสนใจดี