[ดูจบแล้ว] Fuuto PI ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ

ที่เขียนเรื่องนี้ช้ากว่าปกติ เพราะตอนที่ดู Fuuto PI หรือ ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ จบแล้ว ผมไม่มั่นใจว่ามันจบจริงหรือเปล่า หรือแค่ตัดจบซีซันไปก่อน แต่พอมั่นใจว่า มันจบจริงๆ ไม่มีตอนงอกในเร็วๆ นี้แน่ๆ ก็เลบได้เวลามารีวิวกันสักที ซึ่งจริงๆ ผมเคยรีวิวไปให้กับทาง Power Up แล้ว แต่ผมเอามารีไรท์ใหม่อีกรอบหลังจากอนิเมจบครับ บางส่วนก็เลยอาจจะคล้ายๆ กันบ้าง

ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ เป็นอนิเมที่สร้างมาจากต้นฉบับหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกันที่ต่อยอดมาจาก Kamen Rider W ฉบับคนแสดงอีกที เขียนโดย Masaki Sato และแต่งเรื่องโดย Riku Sanjo (ซึ่งก็คือคนเขียนบท Kamen Rider W ฉบับซีรี่ส์นั่นเองครับ) ทว่าจริงๆ แล้ว ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ อาจจะไม่ใช่เนื้อเรื่องต่อจาก Kamen Rider W เสียทีเดียว เพราะจริงๆ แล้วเนื้อเรื่องมันจะต่อจาก Kamen Rider W Returns: Kamen Rider Accel ซึ่งเป็น V-Cinema ที่วางจำหน่ายในปี 2011 มากกว่า

ในเรื่องนี้“ฮิดาริ โชทาโร่” นักสืบเอกชนแห่งเมืองฟูโตะ และคู่หู  “ฟิลิป” ยังคงต้องออกปฏิบัติการไขคดีปริศนาที่เกี่ยวข้องกับไกอาเมโมรี่ และปกป้องความสงบสุขของเมืองฟูโตะเอาไว้ ด้วยการแปลงร่างเป็นไรเดอร์ W ต่อสู้กับพวกโดแพนท์ที่เกิดจากมนุษย์ที่ได้พลังของไกอาเมมโมรี่ เหมือนกับซีรี่ส์คนแสดงนั่นแหละ ทว่าในอนิเมเรื่องนี้มีตัวละครใหม่ที่มีบทบาทเด่นและเหมือนจะเป็นนางเอกของเรื่อง คือ โทคิเมะ หญิงสาวปริศนาความจำเสื่อมทิ่เหมือนจะมีความลับมากมาย ซึ่งได้มาเข้าร่วมเป็นพวกเดียวกันกับโชทาโร่ด้วย (แถมมีฉากเปลืองตัวเยอะด้วย)

ตัวอนิเมทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยครับ ซึ่งตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับ Studio Kai และ Ishimori Entertainment ผู้รับผิดชอบในการผลิตอนิเมเรื่องนี้ (ไรเดอร์เป็นซีรี่ส์ของโตเอะ แต่โตเอะไม่ทำอนิเมเอง แต่กลับให้ Studio Kai ทำอนิเมเรื่องนี้แทน) ซึ่ง Studio Kai ก็เป็นสตูดิโอหน้าใหม่มากๆ แต่ก็มีผลงานดังๆ อย่าง Uma Musume Pretty Derby 2nd Season และ Super Cub มาก่อน และอนิเม “ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ” ก็ถือเป็นอีกผลงานหนึ่งของค่ายนี้ที่ทำออกมาได้ดีมากอีกเรื่อง แม้จะมีการดัดแปลงเนื้อเรื่องไปบ้างก็ตามที

แต่ที่ผมค่อนข้างชอบคือ ฉากการต่อสู้ด้วยมอเตอร์ไซค์ในเรื่อง เพราะไรเดอร์ยุคเฮเซย์ขี่มอเตอร์ไซค์กันน้อยลงเรื่อยๆ แม้จะชื่อว่าไรเดอร์ก็ตาม นั่นเพราะกฎหมายจราจรของญี่ปุ่นที่เข้มงวดขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้การถ่ายทำฉากมอเตอร์ไซค์ผาดโผนมีข้อจำกัดมากมาย แต่พอมาเป็นอนิเม แน่นอนครับว่าไม่มีข้อจำกัดการถ่ายทำแล้ว ฉากต่อสู้บนท้องถนนในเรื่องเลยออกมาน่าตื่นตาตื่นใจสมเป็น “ไรเดอร์” มากขึ้น ส่วนประเด็นที่ว่าคนที่ยังไม่เคยดูภาคคนแสดงมาก่อน มาดูอนิเมจะดูรู้เรื่องหรือไม่ เอาจริงๆ ก็ควรจะดูฉบับคนแสดงมาก่อนครับ เพราะถึงแม้จะสามารถพอดูเข้าใจได้ แต่ความรู้สึก “อิน” แน่นอนว่าจะน้อยกว่าคนที่เคยดูซีรี่ส์มาก่อน เพราะตัวอนิเมใส่ Easter Egg ไว้เพียบ ตั้งแต่ตัวละครยันเพลงประกอบ ถ้าไม่เคยดูฉบับดั้งเดิมมาก่อนก็อาจจะพลาดอารมณ์ร่วมบางอย่างไปพอสมควรครับ

และสุดท้ายก็คงต้องมาลุ้นกันดูว่า จะมีภาคต่อออกมาหรือไม่ เพราะเหมือนอนิเมจะตัดจบได้ค่อนข้างห้วนพอสมควรเลย แต่ก็เข้าใจได้นะ เพราะหนังสือมัยยังไม่จบนี่…