[ดูจบแล้ว] YuYu Hakusho คนเก่งฟ้าประทาน Live Action

จริงๆ วันนี้เป็นวันครบรอบ 3 ปีที่มีข่าวว่าจะมีการสร้าง YuYu Hakusho คนเก่งฟ้าประทาน ฉบับ Live Action ออกมา ซึ่งตัวซีรีส์ก็เพิ่งออกมาให้ชมกันเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาด้วย รวมความยาว 5 ตอนจบ ซึ่งผมก็ได้มีโอกาสนั่งดูรวดเดียว 5 ตอนจบไปเมื่อสักครู่นี่แหละครับ

เอาจริงๆ YuYu Hakusho คนเก่งฟ้าประทาน นี่ถือเป็นโปรเจคใหญ่ที่ Netflix หวังเอาไว้มากนะครับ เพราะได้ Robot Communications ที่ทำผลงานดังๆ อย่าง Always: Sunset on Third Street (2003), Alice in Borderland (2020) และ Godzilla Minus One (2023) มาดูแลโปรเจคนี้ ซึ่งทาง Robot Communications ก็ทำออกมาได้สมความคาดหวังครับ งานภาพออกมาสวย Mood&Tone ดูทันสมัย คุมโทนภาพได้ดี มีความเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น และได้รับอิทธิพลจากซีรีส์แนวซอมบี้ตามกระแสนิยมหรือสัตว์ประหลาดแบบ Stranger Things อยู่พอสมควร

ที่สำคัญคือฉากแอ๊กชั่นที่ถือเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ ทำออกมาได้ดีมากครับ คอแอ๊กชั่นน่าจะชอบ เพราะเนื้อหาเกินกว่า 40% นี่เต็มไปด้วยฉากต่อสู้ที่ออกแบบมาได้ดี แค่สองตอนสุดท้ายนี่ก็อัดกันทั้งตอนแล้วครับ ในจุดนี้น่าจะถูกใจใครหลายคนเลย โดยเฉพาะความดิบเถื่อนเลือดสาดที่ใส่ออกมาได้ในระดับ 16+ ทำให้คนเก่งฟ้าประทานเวอร์ชั่นนี้หลุดออกจากกรอบการ์ตูนเด็กวัยรุ่นกลายเป็นซีรีส์คนแสดงที่จับกลุ่มผู้ชมที่มีอายุมากขึ้นด้วย

แต่จุดที่ผมไม่ชอบก็มีนะ แถมเยอะด้วย ตั้งแต่เนื้อเรื่องที่รวบรัดอัดแน่นมาก เหมือนเอาต้นเรื่อง กับท้ายเรื่อง มายัดรวมกันให้จบในห้าตอน โดยตัดเนื้อหาช่วงกลางเรื่องออก มันทำให้รู้สึกไม่ค่อยอินกับความสัมพันธ์ของตัวละครในเวอร์ชั่นนี้ที่รวบรัดเกินไป ซึ่งถ้าไม่เคยอ่านการ์ตูนหรือดูอนิเมมาก่อนคงไม่รู้สึกขัดใจเท่าไหร่ แต่พอมันเป็นหนังคนแสดงที่สร้างจากการ์ตูน มันก็อดที่จะเอามาเปรียบเทียบกับต้นฉบับไม่ได้อยู่ดี

ทั้ง setting เรื่องราวที่ผมไม่มั่นใจว่าจะเป็นยุค 90s แบบต้นฉบับหรือโลกปัจจุบัน เพราะมันดูปนเปกันอยู่ ไปจนถึง cast ตัวละคร ที่อย่างยูสึเกะน่ะผมยังรับได้นะ แต่บทคุวาบาระ ผมกลับรู้สึกเหมือนหลุดมาจาก Tokyo Revengers และขัดใจกับดาบพลังวิญญาณที่มาพร้อมกับเสียงเอฟเฟต์ดาบไลท์เซเบอร์สตาร์วอร์มาก (แต่คุวาบาระในเวอร์ชั่นนี้กลับเป็นตัวละครที่ผมชอบที่สุด และมีพัฒนาการมากที่สุดในเรื่องด้วย) ไปจนถึงคุรามะ และ ฮิเอ ไปจนถึงสาวๆ ในเรื่อง ที่ผมรู้สึกว่า มันยังไม่ตรงใจสักเท่าไหร่ และด้วยเนื้อเรื่องที่รวบรัดจนเกินไป ทำให้ผมไม่อินกับภูมิหลังของคุรามะ และฮิเอในเวอร์ชั่นนี้

ซึ่งว่ากันตามตรง ถ้าดูซีรีส์นี้โดยไม่อิงจากการ์ตูน มันสนุกมากครับ ภาพสวย ฉากแอ๊กชั่นไหลลื่น ดูเพลินดี ถือเป็นซีรีส์ที่ดูสนุกได้อีกเรื่อง แต่ถ้าในแง่ความลงตัว แม้มันจะไม่ได้ทำได้ดีขนาด One Piece ที่อาจนับได้ว่าเป็นการดัดแปลงจากต้นฉบับการ์ตูนได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาด Saint Seiya หรือผลงานซีรีส์คนแสดงที่สร้างจากการ์ตูนอีกหลายๆ เรื่อง และดูจากการรวบรัดเนื้อเรื่องให้จบในห้าตอน ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจว่า มันจะมีภาคต่อตามมาหรือเปล่า เพราะจริงๆ มันก็พยายามขมวดปมให้จบลงตัวสมบูรณ์ดีอยู่นะ แต่ถ้ากระแสแฟนๆ ตอบรับดี ก็อาจจะมีการสร้างภาคต่อตามมาอีกก็ได้ ใครจะไปรู้