ว่ากันตามตรงนะครับ ซาซากิกับพีจัง เป็นอนิเมชั่นอีกเรื่องที่ถือได้ว่าเปิดตัวเริ่มต้นได้ดีเลย โดยอนิเมตอนแรกนั้นมีความยาวกว่า 48 นาที ซึ่งปกติอนิเมที่เปิดตัวตอนแรกยาวกว่าปกติ มักจะเป็นผลงานที่ทางค่ายตั้งความหวังไว้สูง และมักจะประสบความสำเร็จด้วย ยกตัวอย่าางเช่น เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ (Oshi no Ko) หรือ FRIEREN คำอธิษฐานในวันที่จากลา เป็นต้น
โดยเรื่อง ซาซากิกับพีจัง นั้นเป็นอนิเมที่สร้างจากนิยายที่เขียนโดย Buncololi (ผู้เขียน ยอดชายนายทานากะ) และวาดภาพประกอบโดย Kantoku (องค์ชายจิตป่วนกับน้องเหมียวยิ้มยาก และ สลัดรวมมิตรคนเพี้ยนหลุดโลก) ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมโดย สตูดิโอ Silver Link เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอก ซาซากิ หนุ่มใหญ่สไตล์พนักงานกินเงินเดือน(และยังโสด)ที่ซื้อนกกระจอกชวามาเลี้ยงแก้เหงา ทว่าอันที่จริงเจ้านกที่ซาซากิตั้งชื่อว่าพีจังนั้นกลับเป็นมหาปราชญ์จอมเวทชื่อดังจากต่างโลกที่กลับมาเกิดใหม่เป็นนกกระจอกชวาในโลกนี้แต่ยังคงมีความรู้และพลังเวทอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อซาซากิทำพันธสัญญากับพีจัง(ที่เป็นนก ไม่ใช่หมูดำจากอนิเมอีกเรื่อง) ตัวเขาก็เริ่มที่จะใช้เวทมนตร์ของพีจังและสามารถเดินทางข้ามไปต่างโลกได้ด้วย ก็เลยสบโอกาสทำธุรกิจด้วยการขนสินค้าจากโลกปัจจุบันไปขายต่างโลกและใช้ชีวิตสองด้านแบบชิลล์ๆ..ซึ่งแน่นอนเรื่องมันคงไม่จบง่ายๆ แบบนั้นแน่ๆ เพราะนั่นทำให้ตัวซาซากิต้องไปพัวพันกับความขัดแย้งในต่างโลก แล้วพอกลับมายังโลกเดิม ตัวเขาที่ใช้เวทมนตร์ได้ก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษ จนสุดท้ายต้องจำยอมรับงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้าจัดการกับพวกที่ใช้พลังพิเศษที่ก่อปัญหาสร้างความวุ่นวายไปทั่ว
เรื่องราวมันสนุกตรงที่มันเป็นการเดินเรื่องแบบคู่ขนานสองโลก ระหว่างโลกของผู้มีพลังพิเศษ และโลกของผู้ใช้เวทมนตร์ที่อยู่ต่างโลก ซึ่งตัวซาซากิเองก็เป็นตัวเอกสไตล์พนักงานบริษัทที่หลายๆ คนอาจจะเรียกว่า “ตาลุง” (แต่จริงๆ ซาซากิอายุน้อยกว่าผมอีกนะ…) ซาซากิจึงถนัดการเจรจาและใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาสไตล์พนักงานออฟฟิศญี่ปุ่นมากกว่าการใช้กำลังเอาชนะ ซึ่งผมว่านี่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้อนิเมเรื่องนี้ดูแตกต่างและน่าสนใจมากกว่าอนิเมต่างโลกทั่วไป เพราะเอาจริงๆ พล็อตข้ามไปข้ามมาเพื่อค้าขายระหว่างต่างโลกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ที่น่าสนใจก็คือตัวซาซากิที่ต้องรักษาสถานะตัวตนในโลกทั้งสองฝ้่งเอาไว้นี่แหละ ที่ทำให้เรื่องมันสนุก
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ แม้อนิเมจะเปิดตัวได้ดี แต่พอทำไปทำมา คุณภาพงานกลับเริ่มดรอปลงเรื่อยๆ ราวกับทีมงานปั่นงานไม่ทันจนเริ่มมีซีนเผาๆ หลุดมาให้เห็น ยังดีที่ซีรีส์รีบตัดจบซีซันแรกไปก่อน แต่ก็มีการประกาศซีซัน 2 ออกมาแล้ว ก็หวังว่าในช่วงพักระหว่างซีซันทาง Silver Link คงจะมีเวลาที่จะได้หยุดพักหายใจกลับไปพัฒนาคุณภาพงานให้ดีขึ้นหน่อยนะ เพราะโดยภาพรวมเนื้อเรื่องยังสนุกสมกับที่ติดอันดับ 1 ใน Kono Light Novel ga Sugoi! ปี 2022 ซึ่งถ้าหากอนิเมทำออกมาดีๆ ซีรีส์นี้น่าจะอยู่ได้อีกยาวเลยล่ะ