A Sign of Affection ร้อยเรียงรักจากหัวใจ เป็นอนิเมที่สร้างจากการ์ตูนผู้หญิง ผลงานของ Suu Morishita สังกัด สนพ.โคดันฉะ มีรวมเล่มออกมาแล้ว 10 เล่ม โดยในบ้านเรา สนพ.บงกชถือลิขสิทธิ์ภาษาไทยอยู่ ซึ่งที่ญี่ปุ่นถือว่าดังพอสมควร ถึงขนาดถูกดัดแปลงเป็นละครเพลงไปครั้งหนึ่งเมื่อปี 2021 ก่อนที่จะถูกสร้างเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นโดย Ajia-do Animation Works และออนแอร์จบไปเมื่อไตรมาสที่ผ่านมานี้เอง
ตัวเอกของเรื่องคือ อิโตเสะ ยูคิ นักศึกษาสาวที่มีปัญหาในการได้ยินเพราะมีความบกพร่องทางการได้ยิน จนวันหนึ่งยูคิได้พบกับ นากิ อิสึโอมิ รุ่นพี่ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งปกติด้วยปัญหาทางการสื่อสารทำให้ยูคิจะไม่ค่อยมีเพื่อนหรือได้สูงสิงอะไรกับใครสักเท่าไหร่ เพราะในมหาวิทยาลัยเองก็มีคนที่สื่อสารภาษามือได้แค่ไม่กี่คน แต่อิสึโอมิที่เป็นคนญี่ปุ่นที่เติบโตในต่างประเทศกลับสนใจในตัวยูคิถึงกับยอมเรียนภาษามือเพื่อหาทางพูดคุยกับยูคิและพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นแฟนกัน ซึ่งนั่นทำให้ยูคิเกิดความกล้าตัดสินใจออกจากเซฟโซนของตัวเอง และเกิดเป็นความฝันใหม่ในการที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกด้วยกันกับอิสึโอมิ
อนิเมเรื่องนี้เป็นอนิเมรักที่ผู้เขียนคือ Suu Morishita ที่ต้องการเขียนการ์ตูนรักที่ใช้ภาษามือในการสื่อสารเป็นธีมหลักของเรื่อง ก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องภาษามืออย่างจริงจังก่อนที่จะเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ออกมา ซึ่งเวลาพูดถึงการ์ตูนที่เด็กสาวมีความบกพร่องทางการได้ยิน หลายๆ คนอาจจะนึกถึงเรื่อง “รักไร้เสียง” ที่ดังมากเมื่อหลายปีก่อน แต่ทั้งสองเรื่องนั้นผมว่าต่างกันพอสมควร ตรงที่ “ร้อยเรียงรักจากหัวใจ” นั้นจะค่อนข้างเป็นเรื่องมุมบวก ที่ดูแล้ว Feel Good แบบการ์ตูนรัก และใช้ภาษามือเป็นกลไกในการสื่อสารความรู้สึกของตัวละคร ที่ดูแล้วก็จะรู้สึกดีไปอีกแบบหนึ่ง แถมด้วยความที่นางเอกใสซื่อต้องมาเจอกับพระเอกหัวนอกที่ต่างกันสุดขั้ว พล็อตมันก็เลยออกมาดูน่ารักหน่อยๆ แต่ก็ยังไม่ถึงกับหลุดจากโลกความจริงจนเกินไป
ซึ่งอันที่จริง Suu Morishita ก็ไม่ใช่นักเขียนมือใหม่ในบ้านเรา โดย Suu Morishita เป็นนามปากการ่วมกันของนักเขียนสองคน คือ Makiro ผู้แต่งเรื่อง และ Nachiyan รับหน้าที่วาดภาพ ซึ่งทั้งสองมีผลงานดังๆ ในบ้านเรามาแล้วหลายเรื่อง อาทิเช่น “SHORT CAKE CAKE ช็อตเค้กสื่อรัก” และ “ปล่อยหัวใจโบยบินดั่งผีเสื้อ” เป็นต้น ส่วน Ajia-do Animation Works ก็เป็นสตูดิโอเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งงานส่วนใหญ่มักจะเป็นงาน Sub จากค่ายอื่น แต่ก็มีผลงานที่ถือเป็น signature ของค่ายนี้ก็คือเรื่อง “นินจารันทาโร่” ที่ทางค่ายดูแลมาตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งคุณภาพงานถือว่าโอเคครับ มีแปลกๆ ตาบ้างบางจุด เพราะการดัดแปลงการ์ตูนผู้หญิงที่มีลายเส้นอ่อนโยนมาเป็นอนิเมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โดยรวมก็ถือว่าดูโอเคสำหรับผมนะ น่ารักดี