Sentai Daishikkaku หรือชื่อไทย ขบวนการกำมะลอ เป็นอนิเมที่สร้างจากต้นฉบับหนังสือการ์ตูนของ อ.ฮารุบะ เนกิ ผู้เขียน “เจ้าสาวผมเป็นแฝดห้า” ที่เปลี่ยนแนวจากการ์ตูนรักตลกมาเป็นการ์ตูนฮีโร่มุมกลับสุดดาร์ค โดยตัวอนิเมผลิตโดย Yostar Pictures และออนแอร์ทั่วโลกผ่านทาง Disney+
พล็อตหลักก็คือ การต่อสู้ระหว่างขบวนการเทพมังกรฮีโร่ผู้ปกป้องมวลมนุษยชาติ “ดราก้อนคีปเปอร์” กับเหล่าร้ายที่เราเห็นกันนั้นเป็นแค่เรื่องแหกตาที่พวกฮีโร่จัดฉากขึ้นเท่านั้น เพราะเหล่าร้ายน่ะถูกปราบไปนานแล้ว ที่เราเห็นก็เป็นแค่การจัดฉากรายสัปดาห์เพื่อผลประโยชน์และชื่อเสียงของเหล่าฮีโร่ โดยเหล่าลูกกระจ๊อกระดับล่างที่เหลือรอดต้องรับบทตัวร้ายที่ถูกเชิดโดยเหล่าฮีโร่แกล้งบุกโลกทุกๆ วันอาทิตย์ก่อนที่จะพ่ายแพ้ต่อหน้าประชาชนจนกลายเป็นกิจวัตรที่ขมขื่น
ทว่าในที่สุด..การต่อสู้ของเหล่าร้ายที่ถูกกดขี่เพื่อต่อต้านฮีโร่และโชคชะตาของพวกตนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อลูกกระจ๊อก D คิดจะพลิกสถานการณ์ด้วยการกำจัดพวกดราก้อนคีปเปอร์จากภายใน จึงลักลอบปลอมตัวเป็น ซากุรามะ ฮิบิกิ หนึ่งในสมาชิกฝึกหัดในสังกัดขบวนการเทพมังกรดรากอนคีปเปอร์จนสามารถแฝงตัวเข้าไปในฐานทัพของเหล่าขบวนการได้สำเร็จ ซึ่งนั่นทำให้ลูกกระจ๊อก D ได้พบกับด้านมืดของเหล่านักรบห้าสีแต่ละคนที่มีนิสัยแปลกประหลาดเกินคาดกับเหล่าลูกน้องขาโจ๋สุดโหดที่บางครั้งก็ชักจะแยกไม่ออกเหมือนกันว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายร้ายกันแน่
ด้วยการวางโครงเรื่องที่น่าสนใจของ ฮารุบะ เนกิ ที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของขบวนการฮีโร่กับเหล่าร้ายออกมาได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งจริงๆ พล็อตสลับขั้วฝ่ายดีฝ่ายร้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการการ์ตูนญี่ปุ่น แต่สำหรับเรื่องนี้ ผู้เขียนได้ลงลึกไปถึงระดับการคอรัปชั่นในองค์กรของเหล่าฮีโร่ ในองค์กรแห่งคนดีที่เต็มไปด้วยคนที่ดีและคนเลว คนที่ต้องการหาผลประโยชน์จากคนดี และพร้อมจะแทงข้างหลังกันได้ตลอด ไปจนถึงเหล่าตัวร้ายคนเลวที่หากสบโอกาสก็พร้อมจะเอาคืนได้ทันทีเหมือนกัน เป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่างวิญญชนจอมปลอมกับเหล่าอธรรมที่มีลูกกระจ๊อก D เป็นศูนย์กลางของความวุ่นวายที่คาดเดาได้ยากว่า เรื่องราวจะเดินไปในทางไหนต่อ
จุดหนึ่งที่ผมค่อนข้างแปลกใจก็คือ ในช่วงแรกนั้นเหมือนอนิเมจะตั้งใจทำเป็น 3DCG แต่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็น 2D แบบงงๆ จะบอกว่างานมันเนียนจนแยกไม่ออกก็ไม่น่าใช่ แต่คุณภาพงานโดยรวมก็ถือว่าโอเคนะ ดูสนุกแบบยั่วยวนกวนประสาทดี และกระแสตอบรับก็น่าจะดีเพราะมีการประกาศซีซัน 2 ออกมาแล้ว แต่รู้สึกเหมือนกับว่า Disney+ จะโปรโมตเรื่องนี้น้อยไปหน่อยหากเทียบกับเรื่องอื่นๆ ในช่อง ทั้งที่ผมชอบเรื่องนี้เป็นลำดับต้นๆ ของซีซันที่ผ่านมาเลยนะ