Macross II: Lovers Again

ในบรรดาอนิเมตระกูลมาครอสทั้งหมด Super Dimensional Fortress Macross II: Lovers Again น่าจะเป็นภาคที่เรียกได้ว่าน่าสงสารที่สุดภาคหนึ่ง ทั้งที่เคยได้ชื่อว่าเป็นภาคต่อภาคแรกของอนิเมระดับตำนานอย่าง Macross แต่ภายหลังกลับถูกตัดออกจากไทม์ไลน์ กลายเป็นเหตุการณ์ในโลกคู่ขนาน และกลายเป็นภาคที่แฟนๆหลายคนลืมไปเลยว่า มันมีภาคนี้อยู่ในโลกด้วย

เหตุผลสำคัญก็คือ มาครอสภาคแรกนั้นเกิดจาก Studio Nue ,Big West และอนิเมเตอร์จาก Tatsunoko Production ร่วมมือกันพัฒนาซีรีส์นี้ขึ้นมา แต่หลังจาก Flash Back 2012 (หนังรวม MV มาครอส ซึ่งใน Disney+ ก็มี) ทาง Big West เกิดอยากจะทำมาครอสต่อ แต่ Studio Nue ไม่เอาด้วย Big West ก็เลยทำ Macross II ด้วยตัวเองโดยหันไปจับมือกับสตูดิโอ AIC ออกมาเป็น Mix Media ที่มีทั้งอนิเม หนังสือการ์ตูน และเกม ทำให้ภาคนี้มีกลิ่นอายที่แตกต่างจากมาครอสภาคอื่น แถมตัวเอกของเรื่อง คันซากิ ฮิบิกิ ก็ไม่ใช่นักบินรบด้วย แต่เป็นนักข่าวเฉยเลย

เหตุการณ์ในเรื่องจะเป็นเรื่องราว 80 ปีหลังจากมาครอสภาคแรก ซึ่งมนุษยชาติได้เจอกับศัตรูใหม่คือเผ่ามาร์ดุ๊กที่คอยชักใยพวกนักรบเซนทราดี้ให้ทำสงครามรุกรานมนุษย์ แต่คราวนี้แผนมินเมย์แอทแทคที่มนุษยชาติเคยใช้รับมือพวกเซนทราดี้มานานหลายสิบปีกลับไม่ได้ผล เพราะพวกมาร์ดุ๊กเองก็มีนักร้องที่เรียกว่า “อิมูเลเตอร์” คอยใช้เสียงเพลงควบคุมจิตใจของพวกนักรบเซนทราดี้อยู่เบื้องหลัง จนทำให้ทัพสหประชาชาติ ต้องเป็นฝ่ายแตกพ่ายอย่างย่อยยับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

ทว่าความพ่ายแพ้ของกองทัพสหประชาติกลับถูกทางกองทัพปิดบังเอาไว้เพื่อไม่ให้ประชาชนแตกตื่น จนกระทั่ง ฮิบิกิ ตัวเอกของเรื่องได้พบกับ อิชตาร์ อิมูเลเตอร์ของมาร์ดุ๊กที่เกิดหลงใหลเสียงเพลงของชาวโลกเข้า และด้วยความร่วมมือกับซิลวี่ เอซไพล็อตของ Valkyrie II ที่รู้เรื่องราวเบื้องหลังสงครามที่ทาง UN ปิดบังไว้ ฮิบิกิ และ ซิลวี่ จึงต้องหาทางที่จะหยุดยั้งสงครามครั้งนี่ ด้วยการทำให้ยานมาครอสลำแรกในตำนานออกบินขึ้นอีกครั้ง

แม้จะยังคงมีคอนเซปต์เกี่ยวกับเสียงเพลง และความรักสามเส้า แต่บรรยากาศของเรื่องนั้น มีความแตกต่างจากมาครอสภาคอื่นอย่างชัดเจน แต่ถามว่าดูสนุกไหม ก็ต้องบอกว่า สนุกนะ เนื้อเรื่องค่อนข้างร่วมสมัย ตัวเอกเป็นนักข่าวที่ต้องต่อสู้กับกองทัพที่ผูกขาดอำนาจและควบคุมสื่อมวลชนเพื่อความสงบสุข แต่ก็เกือบจะพลาดพลั้งทำให้สงครามบานปลายจนถึงขั้นมนุษยชาติหวิดจะล่มสลายเลยทีเดียว

ในส่วนงานภาพก็ถือว่าสวยในยุคของมัน (ปี 1992) แถมยังมีซีนเท่ๆ ของ VF-2SS Valkyrie II และ VA-1SS Metal Siren ที่หน้าตาเป็นเอกลักษณ์มาก (ใช่ครับ Masami Ōbari มีเอี่ยวกับภาคนี้ด้วย) แต่โปรดอย่าเอาภาคนี้ไปเทียบกับมาครอสพลัส (1994) เพราะมาครอสพลัสเรียกได้ว่าเป็นการกลับมาทวงมาครอสคืนของ Studio Nue และ Shōji Kawamori ที่ต้องการทำ “มาครอสที่แท้จริง” ออกมาให้แฟนๆ ได้ชม ซึ่งผลสรุปความขัดแย้งครั้งนี้ทำให้ Macross II ของ Big West ถูกผลักให้กลายเป็นจักรวาลคู่ขนานไปเลย ส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยปลื้มที่ภาคนี้ตัดสินใจจมยานมาครอสลำแรกในตอนจบ การผลักให้ Macross II ไปอยู่ในจักรวาลคู่ขนาน ก็เลยอาจจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับภาคนี้ก็ได้

ใครที่ยังไม่เคยดู Macross II: Lovers Again มีให้ชมกันแล้วทาง Disney+ นะครับ แบบมีซับไทยถูกลิขสิทธิด้วย