[ดูจบแล้ว]BLUE LOCK VS. U-20 JAPAN

Blue Lock ขังดวลแข้ง น่าจะเป็นอนิเมอีกเรื่องที่ได้รับการจับตามองกันค่อนข้างเยอะ เพราะซีซันแรกนั้นประสบความสำเร็จสูงมากจนถูกนำไปสร้างเป็นหนังโรงที่ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี (ได้ฉายบ้านเราด้วย) และกระแสของอนิเมยังทำให้ยอดตีพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้พุ่งไปถึง 40 ล้านเล่มเข้าไปแล้วด้วย

ซึ่ง Blue Lock ซีซันสองก็ยังคงสานต่อเรื่องราวจากภาคแรก กับโปรเจคเฟ้นหาศูนย์หน้าอันดับ 1 ด้วยการเอาเหล่านักเตะมัธยมปลาย 300 คนมาอยู่ร่วมกันเพื่อหาศูนย์หน้าที่เก่งสุดเพียงคนเดียวแบบคัดตัวออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงจุดตัดสิน เมื่อเหล่านักเตะที่เหลือรอดของ Blue Lock ต้องมาเผชิญหน้ากับแข้งทีมชาติ U-20 โดยมีตำแหน่งทีมชาติเป็นเดิมพัน ทว่าหาก Blue Lock พ่ายแพ้ล่ะก็โปรเจค Blue Lock ที่ล้างผลาญงบไปอย่างมหาศาลก็จะถูกยุบไปด้วย

ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นก็ยังคงความสนุกกับการดวลกันของเหล่าอีโก้ลิสต์ที่จากเป็นคู่แข่งต้องมาเป็นเพื่อนร่วมทีมในภาคนี้ โดยมีศูนย์กลางความขัดแย้งอยู่ที่สองพี่น้อง อิโตชิ ซาเอะ และ ริน ที่อยู่กันคนละฝั่งและตัวรินเองก็มีปมที่ต้องการข้ามขีดจำกัดของตัวเองเพื่อเอาชนะพี่ชายไปให้ได้ โดยมีตัวแปรสำคัญคือ อิซางิ โยอิจิ ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่เล่นประสานกับรินได้ดีที่สุด แต่รินเองจากที่ไม่เคยเห็นอิซางิในสายตาก็เริ่มมองอิซางิเป็นคู่แข่งด้วยเช่นกัน

แม้ว่าพล็อตของภาคนี้จะสนุก และเป็นภาคที่ความสามารถของเหล่าตัวเอกเริ่มตื่นขึ้นจนได้บทเด่นกันทั่วหน้า แต่กระแสตอบรับของภาคนี้กลับแรงไปในทางลบ จากงานภาพที่แม้จะสวยแต่ก็นิ่งเสียจนโดนล้อว่าเป็นอนิเมที่สร้างจาก Power Point ทั้งที่การ์ตูนกีฬาควรจะเน้นไปที่การเคลื่อนไหวของผู้เล่นมากกว่า ซึ่งจุดแตกต่างที่ชัดเจนของซีซันสองก็คือ ตัวผู้กำกับเปลี่ยนเป็น Yūji Haibara ซึ่งเดิมทีเจ้าตัวมาจากสาย CG และมักจะดูแลด้าน Cgi Director และ 3D Director มากกว่าลงมากำกับเอง ทำให้งานภาพของภาคนี้ดูแปลกๆ จนแฟนๆ ไม่ปลื้มสักเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในแง่จำนวนผู้ชม Blue Lock ภาคนี้ก็ถือว่ายังมีคนให้ความสนใจกันเยอะ ถ้าวัดกันใน bilibili ยอดชมเรื่องนี้สูงกว่า Dandadan เสียอีก (แต่ถ้าใน Netflix Dandadan สูงกว่านะ) และตอนท้ายซีซันสอง ก็มีการเปิดตัวละครที่จะเป็นกุญแจสำคัญในซีซันหน้าแล้วด้วย แต่กลับยังไม่มีการประกาศคอนเฟิร์มซีซัน 3 ออกมาอย่างเป็นทางการเสียที ก็ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นในซีซัน 3 หรือเปล่า ก็คงต้องรอชมกันต่อไปครับ