[ดูจบแล้ว] เซลล์ขยันพันธุ์เดือด Cell At Work The Movie

เซลล์ขยันพันธุ์เดือด เป็นหนังสือการ์ตูนฮิตผลงานของ Akane Shimizu ที่จนถึงปีนี้ก็มีอายุครบ 10 ปีแล้ว ด้วยความโด่งดังของเรื่องนี้ ทำให้ เซลล์ขยันพันธุ์เดือด ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเม ไลท์โนเวล ละครเวที มี spin-off ฉบับการ์ตูนออกมาหลากหลายเวอร์ชั่น และล่าสุดก็กลายเป็นภาพยนตร์คนแสดงที่ประสบความสำเร็จสูงมาก ทำรายได้ที่ญี่ปุ่นไปถึง 6,000 ล้านเยน

ซึ่งตอนแรกผมก็แปลกใจนะ เพราะแม้ว่าเรื่องนี้จะได้ดาราดังอย่าง ซาโต้ ทาเครุ (ซามูไรพเนจร) มารับบทตัวเอกพ่อหนุ่มเม็ดเลือดขาว แต่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดในชีวิตของซาโต้ ทาเครุ ไปเฉยเลย ซึ่งถ้าดูจากตัวอย่างที่เหมือนจะเอาฮา และโทนสีแนวลูกกวาด ก็คงไม่คิดว่าตัวหนังจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ แต่พอได้เข้าไปดูในโรงจริงๆ เรากลับพบว่า ตัวหนังไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้เสียทั้งหมด

ตัวหนังเรื่องนี้เหมือนเอาการ์ตูนเรื่อง เซลล์ขยันพันธุ์เดือด กับ เซลล์ขยันพันธุ์เดือด Black (spin-off) มารวมกัน คือพูดถึงจักรวาลร่างกายของคนสองคน คือลูกสาวที่รักสุขภาพและอยากจะเป็นหมอ กับพ่อที่ใช้ชีวิตแบบสมบุกสมบันทำงานหนักไม่ห่วงร่างกายตัวเอง ซึ่งหนังจะเล่าถึงระบบนิเวศของร่างกายทั้งสอง ผ่านการนำเสนอแบบบุคลาธิษฐานให้เซลล์ต่างๆ กลายเป็นคน และพูดถึงระบบนิเวศร่างกายของคนสองคนที่แตกต่างกันแบบคนละขั้ว ซึ่งแรกๆ เราก็จะรู้สึกว่า เรื่องราวมันดูสนุก มันดูตลก เหมือนดูนิทานชีวิตเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ที่ถ่ายทอดแบบหนังโทคุซัตสึของญี่ปุ่น ได้เห็นเซลล์แต่ละแบบออกมาโลดโผนโจนทะยานตามบทบาทที่แตกต่างกัน

แต่พอช่วงครึ่งหลัง เรื่องราวมันกลับไปทางดราม่าหนักหน่วง ออกไปทางดาร์คราวกับหนังมหากาพย์สงครามที่มีสมรภูมิเป็นร่างกายมนุษย์ แถมมีการพลิกหักมุมเรื่องแบบคาดไม่ถึง (ถ้าไม่โดนสปอยล์มาก่อน) ซึ่งหนังเขียนบทออกมาได้ดีมาก จนผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมดาราดังอย่างซาโต้ ทาเครุ ถึงเลือกที่จะรับบทตัวละครแปลกๆ อย่างเม็ดเลือดขาวในหนังเรื่องนี้ เพราะบททำออกมาได้ดีกว่าที่คิดไว้จริงๆ ครับ คือหลายๆ คนอาจเข้าไปดู เพราะเห็นจากตัวอย่างแล้วคิดว่ามันเป็นหนังตลกเอาฮาสีสันลูกกวาดสไตล์หนังแปลงร่างโทคุซัตสึ แต่พอไปเจอความหน่วง ความตึงแบบนี้ ก็เลยเข้าใจได้ว่า ทำไมหนังมันถึงได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่นมากๆ

โดยสรุปแล้ว หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีเกินคาด ไม่เพียงจะสอนให้เรารู้จักร่างกายของเราเอง แต่ยังทำให้เรารู้สึกรักร่างกายของเรามากขึ้น และยังเป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมการทำงานแบบคนญี่ปุ่น ในฐานะฟันเฟืองเล็กๆ ของระบบนิเวศที่ร่างกายมนุษย์ที่ต่างคนต่างก็มีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบแตกต่างกันไป แต่ก็ล้วนมีความสำคัญที่จะขาดส่วนไหนไปไม่ได้ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ไปดูกันนะครับ เป็นหนังที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนที่ทำออกมาได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูเลยล่ะ