โอนิซึกะ เอย์คิจิ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ GTO นั้น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในการ์ตูนยอดนิยมอีกเรื่อง ที่ประสบความสำเร็จอย่างยาวนานและถูกทำเป็นทั้งอนิเม ละครทีวี (สองรอบ) และภาพยนตร์ ซึ่งล่าสุดทางผู้เขียนเองก็ยังคงกลับมาเขียน GTO ภาคแยกต่อมาอีก ซึ่งถ้าหากนับตั้งแต่ที่โอนิซึกะปรากฏตัวในเรื่อง”คู่คนลุยเลอะ” แล้วล่ะก็ โอนิซึกะมีบาทบาทโลดแล่นอยู่ในวงการการตูนญี่ปุ่นมานานกว่า 27 ปีเลยทีเดียว
อย่างที่บอกไปข้างต้นครับว่า โอนิซึกะ เอย์คิจินั้น เริ่มแรกเดิมทีเคยเป็นตัวละครหลักของเรื่อง “คู่คนลุยเลอะ” (Shonan Junai Gumi) ซึ่งเป็นเรื่องราวของ โอนิซึกะ เอย์คิจิ และ คู่หู ดันมะ ริวจิ ในช่วงชีวิตมัธยมปลาย ซึ่งเป็นการ์ตูนแนวนักเรียน นักเลง โดย อ.ฟุจิซาวะ โทโอรุ เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ในช่วงปี 1990-1996 ก่อนที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวของโอนิซึกะต่อใน GTO ซึ่งเรื่อง “คู่คนลุยเลอะ” นั้นก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยครับ มีรวมเล่มออกมาถึง 31 เล่ม (ไม่นับตอนพิเศษ BAD COMPANY ที่เป็นเรื่องราวการพบกันของโอนิซึกะและริวจิ โดยเป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน คู่คนลุยเลอะ แต่เขียนขึ้นทีหลัง) ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้เคยมีการสร้างเป็น OVA ในช่วงปี 1994-1997 และเคยถูกสร้างเป็นละครทีวีด้วย
หลังจากนั้นในปี 1997 อ.ฟูจิซาวะ จึงได้หันมาเขียนเรื่อง GTO ต่อ โดยคราวนี้เป็นเรื่องราวของ โอนิซึกะ เอย์คิจิ ในวัย 22 ปี เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นปลายแถว แต่บังเอิญว่าต้องมาทำงานเป็นอาจารย์ ต้องเปลี่ยนทรงผมจากทรงรีเจนท์ย้อมทองอันเป็นเอกลักษณ์ของนักเลงขาโจ๋มาเป็นทรงวีคัทที่เราคุ้นเคยกันดี และเมื่ออดีตนักเรียนนักเลงต้องมาเป็นอาจารย์ แน่นอนว่าเรื่องวุ่นวายต้องตามมา เพราะโอนิซึกะเองก็แทบไม่มีความน่าเคารพแบบครูบาอาจารย์อยู่แล้ว แต่เนื่องจากเคยเป็นเด็กเลวมาก่อน จึงเข้าใจปัญหาของเด็กๆ เป็นอย่างดี และใช้วิธีการแก้ปัญหาให้เด็กๆ แบบสุดโต่งชนิดที่ผู้หลักผู้ใหญ่คาดไม่ถึงและบางครั้งก็ไม่อาจยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม การกระทำของโอนิซึกะกลับทำให้ชั้นเรียนที่ล่มสลายค่อยๆ กลับมาเป็นห้องเรียนในแบบที่ควรจะเป็น และทำให้โอนิซึกะได้รับการยอมรับในหมู่เด็กๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
อันที่จริงแล้ว บุคลิกของโอนิซึกะซึ่งเป็นคุณครูวัยรุ่นย้อมผมทอง และเหล่านักเรียนสุดแสบนั้น มีต้นแบบที่พัฒนามาจากละครทีวีชุด Kinpachi-sensei ซึ่งเป็นซีรี่ส์เกี่ยวกับครูและนักเรียนของญี่ปุ่นที่มีการสร้างมาตั้งแต่ปี 1979-2001 (ปีไม่ผิดนะ สร้างมาเรื่อยๆ มีพักบ้าง หยุดบ้าง รวมแล้ว 20 กว่าปีนั่นแหละ) ซึ่งในเนื้อเรื่องของ GTO ก็มีการบอกใบ้เป็นกลายๆ ว่า ตัวโอนิซึกะเองก็เป็นแฟนละครทีวีเรื่องนี้ ซึ่งละครเรื่อง Kinpachi-sensei นั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไอค่อนของความเป็นอาจารย์ในวงการละครบันเทิงญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะอย่างกินทามะเองก็เคยมีตอนพิเศษที่ล้อเลียนละครเรื่องนี้ออกมา (ตอนที่กินทามะบอกว่าตนเองเป็นอาจารย์กินปาจิ และตัวละครในเรื่องเป็นนักเรียนห้อง 3-Z ก็มีที่มามาจากละครเรื่องนี้แหละครับ)
จุดเด่นของGTO ก็อย่างที่บอกคือ การเอาอดีตเด็กเลวมาเป็นอาจารย์แก้ปัญหาเด็กเลว ซึ่งเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก เพราะเป็นอีกครั้งที่การ์ตูนทำหน้าที่ถ่ายทอดปัญหาวัยรุ่น ทั้งเรื่องเพศ ความรุนแรง ครอบครัว ออกมาอย่างที่ควรเป็น ไม่ใช่โลกแบบสีขาวดำ แต่เป็นโลกสีเทาๆ หม่นๆ ที่ไม่มีอะไรที่ถูกต้องไปเสียทุกอย่าง สิ่งที่โอนิซึกะทำบ่อยครั้งก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง บางครั้งก็ถูกจับขังคุก บางครั้งก็ลามกจนไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง แต่สุดท้ายแล้ว การ์ตูนเรื่องนี้ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นการ์ตูนที่ดีจนคว้ารางวัลมามากมาย ส่วนเรื่องความสำเร็จนี่ยิ่งไม่ต้อพูดถึง ช่วงที่นิตยสารโชเน็นแมกกาซีนตีพิมพ์เรื่อง GTO นั้น เป็นยุคที่ยอดขายโชเน็นแมกกาซีนแซงโชเน็นจัมป์ไปได้อย่างสวยงาม และกลายเป็นสถิติสูงสุดของนิตยสารโชเน็นแมกกาซีนที่ยากจะทำได้อีก (แต่ตอนนั้นโชเน็นแมกกาซีนก็มีแต่การ์ตูนดังๆ จริงๆ นะ ทั้งซามูไรดีปเปอร์เคียว ทั้งเก็ตแบคเกอร์ ซึ่งหากมีโอกาสคงจะหาทางพูดถึงในเวบนี้อีก)
ส่วนฉบับอนิเมชั่นของ GTO นั้น สร้างขึ้นในปี 1999 ความยาว 43 ตอน ซึ่งสร้างหลังจากเวอร์ชั่นละคร (1998) และภาพยนตร์คนแสดงด้วยซ้ำ โดยในบ้านเรานั้น เคยฉายเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ (นำแสดงโดย โซริมาจิ ทาเคชิ) ทางช่องไอทีวีในยุคนั้น ซึ่งที่ญี่ปุ่น ฉบับละคร มีเรตติ้งเฉลี่ยสูงถึง 28.5% และในตอบจบมีเรตติ้งผู้ชมถึง 35.7%.เลยทีเดียว และเวอร์ชั่นภาพยนตร์แม้จะไม่ได้ลงโรงฉายแต่ก็พอหาดูได้ในรูปแบบม้วนวิดีโอ (ในยุคนั้น) ส่วนฉบับอนิเมนั้น ทาง TIGA เคยนำเข้ามาจำหน่ายในรูปแบบลิขสิทธิ์ในรูปแบบ VCD และตอนหลังมีนำกลับมาทำเป็น DVD ด้วย จำได้ว่าเป็นเรื่องแรกๆ ของบริษัทเลย ต่อจากเอวาและมอนสเตอร์ฟาร์ม แถมขายไม่แพงด้วย แต่ตอนนี้กลายเป็นของหายากมากๆ แล้วล่ะครับ
และจนถึงตอนนี้ กระแสของ GTO ก็ยังไม่หมด เพราะตัวผู้เขียนเองก็ยังเขียนภาคพิเศษ ภาคแยกออกมาเรื่อยๆ และยังมีการกลับมารีบูทในรูปแบบละครทีวีอีกครั้งในช่วงปี 2012-2014 อีก (ตอนนั้นผมก็เคยเขียนลงคอลัมน์ J-drama ของนิตยสารเซนชูด้วย) ดังนั้นในอนาคตก็อาจจะมี GTO เวอร์ชั่นใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ เพราะจนถึงตอนนี้ผู้เขียนก็ยังเขียน GTO: Paradise Lost จนถึงปัจจุบันที่ญี่ปุ่นก็ออกมา 10 เล่ม และก็ยังไม่จบด้วย ซึ่งในภาคนี้ โอนิซึกะจะอายุ 24 ปี (GTO อายุ 22 ปี) เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนิดหน่อย และต้องไปเป็นอาจารย์อยู่ในชั้นเรียนที่มีแต่ดาราและไอดอลตามที่เจ้าตัสเคยใฝ่ฝันไว้ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ต้องลองไปอ่านในคอมมิคนะครับ
ปล.บทความนี้ เคยเขียนลงนิตยสารเซนชูเมื่อหลายปีก่อน แต่ผมเอามาเขียนปรับแก้ใหม่ และอัพเดทเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันขึ้นครับ