[COMIC REVIEW] ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน : 10 กว่าปีกับตอนจบที่รอคอย

สมัยก่อน การ์ตูนยาวแค่ 10 กว่าเล่มนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องยาวมากแล้ว แต่สมัยนี้ การ์ตูนยาว 40-50 เล่มนี่กลับกลายเป็นเรื่องปกติ หากว่าการ์ตูนเรื่องนั้นได้รับความนิยม และยังขายได้ ทางกองบรรณาธิการก็จะปล่อยให้เขียนต่อไปเรื่อยๆ ทำให้การ์ตูนบางเรื่อง เราเคยอ่านตั้งแต่ยังเด็ก จนถึงตอนนี้เรียนจบมีงานทำกันแล้วก็ยังไม่จบก็มี

ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนฮิตในนิตยสารโชเน็นซันเดย์ที่มีความยาวรวมเล่มถึง 52 เล่ม ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นซันเดย์รายสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2004 ถึงปี 2017 รวมเวลา 13 ปี ส่วนฉบับไทยผมจำได้ว่าผมซื้อเล่มแรกในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเพราะน้องคนนึงบอกให้อ่าน (น่าจะเป็นที่บูธผมเองด้วย เพราะตอนนั้นบูธผมขายหนังสือของวิบูลย์กิจอยู่) และซื้อเล่มสุดท้ายที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่บูธวิบูลย์กิจที่ไปตั้งอยู่ตรงที่ที่เคยเป็นบูธเก่าของเซนชูที่ปีนี้ย้ายไปโซนอื่น (เออ บังเอิญดีนะ)

แรกเริ่มเดิมที การ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของฮายาเตะไอ้หนุ่มดวงกุด แถมโคตรยาจก ที่ได้ไปเป็นพ่อบ้านให้กับนางิ คุณหนูเตี้ย แบน ซึน(เอ่อ ไม่ได้เห็นคำนี้นานมากเลย) ในตระกูลอภิมหาเศรษฐีที่ยอมใช้หนี้ 150 ล้านให้กับฮายาเตะ ซึ่งเรื่องราวในช่วงแรกก็จะเล่นกับความรวยเว่อร์ของนางิ เรื่องกุ๊กกิ๊กของฮายาเตะกับมาเรีย สาวใช้ประจำบ้านของนางิ ไปจนถึงเรื่องราวในโรงเรียนฮากุโอ โรงเรียนสุดแสนไฮโซที่ฮายาเตะต้องไปเข้าเรียน และได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของนางิ รวมไปถึงประธานสาวสุดแกร่งอย่างฮินางิคุ ที่กลายเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมในเรื่องสุดๆ อยู่ช่วงหนึ่ง ถึงขนาดที่ว่าในอนิเมยังเคยมีเพลงจบเป็นเพลงของฮินางิคุด้วย (Honjitsu, Mankai Watashi Iro! เพลงโปรดผมเอง-ฮา)

เนื่องจากเขียนต่อเนื่องมานาน 10 กว่าปี ลายเส้นในช่วงหลังจึงเปลี่ยนไปจากช่วงแรกค่อนข้างมาก

ถ้าพล็อตเรื่องมันเป็นแบบนั้น เชื่อว่าเรื่องราวคงจบภายในไม่กี่เล่ม แต่พอเนื้อเรื่องเดินไปได้สักพัก เราจะรู้ว่าความซวยบัดซบของฮายาเตะนั้นไม่ได้เรื่องบังเอิญ เริ่มมีความเป็นแอ๊กชั่นแฟนตาซีเข้ามาแทรกแบบหนักหน่วง มีทั้ง ปีศาจ สัตว์ประหลาด มีไอเทมที่กลายเป็นหัวใจของเรื่องอย่างมณีราชาปรากฎขึ้นในเรื่อง และยังเชื่อมโยงไปถึงอดีตและรักแรกของฮายาเตะ ซึ่งขอบเขตของเรื่องนั้นขยายไปไกลมากจนน่าตกใจ แต่ก็ยังเคลือบไปด้วยมุกตลกที่แฝงความเป็นมุกตลกโอตาคุมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งช่วงนี้ผมว่าหลายๆ คนอ่านแล้วอาจจะมึนหน่อยๆ เพราะผู้เขียนชอบเล่นมุกการ์ตูนเก่าที่บางทีไม่ใช่แค่นักอ่าน แต่คนแปลก็ตามมุกบางมุกไม่ทันเหมือนกัน

เป็นการ์ตูนที่มีการเล่นมุกเกี่ยวกับ Pop Culture เยอะมาก

จุดพลิกผันที่น่าสนใจก็คือ การที่นางิกล้าทิ้งมรดกของตนเพื่อฮายาเตะในช่วงกลางเรื่องจนทำให้นางิสูญเสียความเป็นคุณหนูต้องมาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์มุราซากิ และนางิก็เกิดความฝันที่อยากเป็นนักเขียนการ์ตูนจนได้เข้าร่วมงานคอมมิคมาร์เก็ต ในขณะที่ฮายาเตะเองก็ต้องมาพัวพันกับลูกะ ไอดอลชื่อดังที่มีอีกตัวตนเป็นนักเขียนโดจินชิที่นางิเห็นเป็นคู่แข่งด้วย เนื้อเรื่องในช่วงนี้จะแตกต่างจากช่วง 20 เล่มแรกพอสมควร บางช่วงก็กลายเป็นการ์ตูนชีวิตประจำวัน บางช่วงเน้นแอ๊คชั่น บางช่วงก็ออกทะเลไปไกลเลยก็มี ที่สำคัญลายเส้นของผู้เขียนยังเปลี่ยนไปจากตอนแรกๆ มาก ดูเรียบง่ายและดูเป็นการ์ตูนเด็กผู้ชายมากขึ้น แถมโลโก้เรื่องก็ยังเปลี่ยนอีก

จนมาถึงช่วงสุดท้าย ที่ดูเหมือนปริศนาทั้งหมดจะคลี่คลาย ปริศนาหลายๆ อย่างที่ปูไว้ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจและตั้งใจก็เริ่มเปิดเผยออกมา ทั้งเรื่องครอบครัวของฮายาเตะ ครอบครัวของนางิ ปริศนาและพลังของมณีราชาที่เริ่มจะมีอภินิหารมากขึ้นเรื่อยๆ จนชักจะใกล้เคียงจอกศักดิ์สิทธิ์ไปทุกที ก่อนที่เรื่องจะเร่งขบวดปมในช่วงท้ายและจบอย่างรวดเร็วอย่างน่าตกใจจนแทบไม่ทันตั้งตัว เพราะเอาจริงๆ ผมว่าถ้ายืดเนื้อเรื่องช่วงท้ายออกไปอีกสัก 1-2 เล่มน่าจะลงตัวมากกว่านี้ แถมตัวละครสำคัญที่เคยมีบทเด่นหลายๆ ตัวก็ยังถูกลืมและไม่ทราบชะตากรรมด้วย

แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่า ด้วยความยาว 52 เล่ม ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมาก เยอะจริงๆ (โดยเฉพาะสาวๆ) แถมทุกตัวยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกันไปอีก ซึ่งผมว่านี่เป็นจุดเด่นของผู้เขียนเลยนะ ที่สามารถสร้างตัวละครที่มีคาแรกเตอร์ที่หลากหลายแต่ผู้อ่านก็สามารถแยกแยะและจดจำได้ และยังสามารถขมวดเรื่องราวที่ยาวนานกว่า 50 เล่มให้จบได้อย่างลงตัวในระดับหนึ่ง แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ถูกใจผู้อ่านทุกคนได้ก็ตาม เพราะแน่นอนครับว่า อย่างน้อยที่สุด ผู้อ่านแต่ละคนก็อาจจะมีนางเอกในใจที่แตกต่างกันไปด้วย

ดังนั้น ความเจ๋งของการ์ตูนเรื่องนี้ ก็คือการที่เราไม่สามารถดาดเดาอะไรได้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถ้าผู้เขียนไม่วางโครงเรื่องไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นละก็ผู้เขียนคงด้นสดและแถได้เก่งมาก (ฮา) ก็เล่นออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ยังอุตส่าห์ลากเนื้อเรื่องกลับเข้าฝั่งได้ในที่สุด แม้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะผ่านจุดสูงสุดมาได้สักพักใหญ่ๆ ทั้งทีวีซีรี่ส์ หนังโรง นิยาย ไปจนถึงซีรี่ส์คนแสดง และบรรดาสารพัดของสะสมต่างๆ ที่ออกมาเยอะมากตอนที่การ์ตูนเรื่องนี้ดังสุดๆ เมื่อหลายปีก่อน แต่พอได้อ่านตอนจบของเรื่องจริงๆ โดยที่ไม่ได้อ่านสปอยล์มาก่อนล่วงหน้า ก็ต้องยอมรับ ว่า ใจหายเหมือนกันนะ ที่รู้ว่าสุดท้ายการ์ตูนเรื่องนี้มันมาถึึงจุดสุดท้ายจริงๆ

ปล.ผมดีใจนะ ที่เล่มสุดท้ายทางวิบูลย์กิจทำหน้าสีในช่วงท้ายเล่มออกมาตามต้นฉบับญี่ปุ่น และปกสองเล่มสุดท้ายสามารถต่อกันได้สนิทดีด้วย