เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา Detective Conan Movie 22 Zero The Enforcer ทำรายได้ไว้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของโคนันหลังโรง ทำให้หลายๆ คนจับตามองภาค 23 กันเป็นพิเศษว่าจะเดินเรื่องไปในทางไหน เพราะนอกจากจะเป็นภาคแรกที่โคนันจะได้ออกไปผจญภัยต่างประเทศแล้ว ภาคนี้ยังฉายชนกับ Avengers Endgame ที่เป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดอันดับ 1 ของโลกตลอดกาลอยู่ตอนนี้ด้วย
ซึ่งถึงตอนนี้ หลายๆ คนก็คงจะพอทราบแล้วว่า โคนันภาคนี้ ทำรายได้เปิดตัวชนะ End Game ในญี่ปุ่น และเป็นประเทศเดียวด้วยมั้งที่ End Game ไม่ได้เปิดตัวด้วยรายได้อันดับ 1 แต่โดยภาพรวมแล้วรายได้โคนันภาคนี้ก็ยังไม่แซงภาคที่แล้วนะ โดยทำรายได้รวมเป็นอันดับ 2 อยู่ที่เก้าพันกว่าล้านเยน ซึ่งก็ถือว่ามหาศาลอยู่นะครับเมื่อเทียบกับหนังโรงโคนันภาคอื่น
ซึ่งถ้าหากภาค 22 มีอามุโร่เป็นจุดขาย ภาคนี้ก็เน้นไปที่จอมโจรคิดเต็มๆ เลยครับ หรือถ้าพูดกันตามตรง ภาคนี้จอมโจรคิดนี่แหละเป็นตัวเอก และเป็นตัวละครที่มีบทเยอะที่สุดด้วย ส่วนตัวเอกอีกคนก็คือ เคียวโกขุ มาโคโตะ แฟนหนุ่มสุดแกร่งของโซโนโกะที่เข้ามามีบทบาทในโคนันภาคหนังโรงเป็นครั้งแรกด้วยครับ โดยในภาคนี้จะเน้นไปที่คู่โซโนโกะ/มาโคโตะมากเป็นพิเศษเลยด้วย (โซโนโกะยังปลื้มจอมโจรคิดอยู่ แม้จะคบกับมาโคโตะ ส่วนมาโคโตะกับคิดก็ไม่ถูกกันอีก)
สำหรับเนื้อเรื่องก็จะไปเดินเรื่องที่ประเทศสิงคโปร์กันตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องเลยครับ โดยเริ่มจากการที่จอมโจรคิดต้องไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมที่สิงคโปร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอัญมณีที่ชื่อ “กำปั้นสีน้ำเงิน” (ตอนแรกผมก็แปลกใจกับชื่อเรื่อง ตอนหลังถึงได้รู้ว่า มันเป็นชื่ออัญมณีที่มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น) คิดก็เลยต้อง “หิ้ว” โคนันไปสิงคโปร์ด้วย ในขณะที่รันกับโซโนโกะนั้นก็ตามไปดูมาโคโตะแข่งคาราเต้ในทัวร์นาเมนต์ที่สิงคโปร์ ที่มีรางวัลคือ เข็มขัดแชมป์ที่ประดับด้วย “กำปั้นสีน้ำเงิน” นี่เอง
และก็อย่างที่บอกครับ นี่เป็นครั้งแรกที่โคนัน (ที่ไม่ใช่ชินอิจิ) ได้เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งผมไม่รู้ว่าทางการท่องเที่ยวสิงคโปร์จ่ายเงินโปรโมตไปเท่าไหร่ เพราะผมดูแล้วยังอยากไปเที่ยวสิงคโปร์เลย (ฮา) ส่วนใครที่กังวลว่า การที่โคนันไปโผล่ที่สิงคโปร์ จะไม่มีฉากระเบิดตูมตามสไตล์หนังโรงโคนัน บอกเลยครับว่า ภาคนี้จัดเต็มมากชนิดที่ว่า ไม่เกรงใจสถานที่กันเลยทีเดียวครับ แต่เหตุผลที่โคนันและจอมโจคคิดออกนอกประเทศได้ ทั้งที่โคนันไม่มีพาสปอร์ต (คนที่มีคือชินอิจิ) ส่วนจอมโจรคิดเองก็เปิดเผยตัวขึ้นเครื่องไม่ได้ ทั้งคู่จะทำอย่างไร อันนี้ต้องไปดูกันเอง
ซึ่งในความคิดเห็นของผม นี่เป็นหนังโรงโคนันที่ผมชอบมากในระดับท็อป 5 จากทุกภาคเลยครับ ไม่ใช่เพราะคดีมันยากหรือง่าย เพราะจริงๆ เหตุจูงใจและคนร้ายภาคนี้เดาไม่ยากครับ แต่ที่สนุกก็คือ มันเป็นภาคที่แหวกขนบของโคนันหนังโรงแบบเดิมๆ ไม่มีแก๊งเด็กๆ ขบวนการนักสืบมาวุ่นวาย เน้นไปที่จอมโจรคิด/โชโนโกะ/มาโคโตะจริงๆ (และจะมีเฉลยปริศนาสำคัญอย่างหนึ่งด้วยว่า ทำไมมาโคโตะต้องติดพลาสเตอร์ที่คิ้วไว้ตลอดเวลา) ส่วนโคนันในภาคนี้นั้นกลายเป็นคู่หูที่คอยสนับสนุนการทำงานของจอมโจรคิดเฉยเลย แม้จะมีความไม่สมเหตุผลอยู่บ้าง อาทิ ตัวตนที่แท้จริงของเด็กชายอาเธอร์ (ถ้าจะถามว่า เจ้าหนูอาเธอร์คือใคร ผมไม่ขอบอกครับ เพราะอาเธอร์นี่แหละ ตัวเอกตัวจริงของเรื่อง-ฮา) ที่เล่นง่ายไปนิด แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่ดูสดใหม่ และสเกลของเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่กว่าแค่คดีฆาตกรรม แต่เล่นยกระดับไปถึงการก่อวินาศกรรมและพัวพันถึงปัญหาภายในสิงคโปร์ทั้งเกาะ มันทำให้รู้สึกว่า ภาคนี้กล้าเล่นใหญ่แบบไม่แคร์ใครจริงๆ
Detective Conan: The Fist of Blue Sapphire หรือ ยอดนักสืบจิ๋วโคนันเดอะมูฟวี่ 23 ศึกชิงอัญมณีสีคราม มีกำหนดฉายในไทยวันที่ 8 สิงหาคมนี้ เฉพาะเครือ SF เท่านั้นนะครับ เป็นอีกภาคที่ผมว่า แฟนๆ โคนันไม่น่าพลาด โดยเฉพาะแฟนๆ จอมโจรคิด ที่ภาคนี้ผมว่าน่าจะเป็นหนังโรงที่จอมโจรคิดมีบทเด่นที่สุด แถมยังอ่วมมากที่สุดด้วยครับ ใครอยากเห็นจอมโจรคิดหวิดจะเสียท่าถึงขนาดแทบจะเอาตัวเองไม่รอดต้องมาดูให้ได้เลยล่ะ