ก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่เคยเล่นเกมซีรี่ส์ Ni no Kuni มาก่อน แต่ก็พอคุ้นหูชื่อนี้อยู่บ้างเพราะตอนทำอันดับเกมก็จะมีเกมซีรี่ส์นี้ติดอันดับอยู่บ่อยๆ ดังนั้นผมจึงไม่รู้ว่า ตัวเกมกับอนิเมนั้นมีจุดเชื่อมต่อ หรือคล้ายกันอย่างไร แต่บังเอิญตัวอนิเมมันมีให้ดูทาง Netflix แล้วพอได้ดูก็รู้สึกว่า มันน่าสนใจ แถมมีกลิ่นอายของ Ghibli อยู่พอสมควรด้วยครับ
เกริ่นก่อนครับว่า Ni no Kuni นั้นเป็นอนิเมที่สร้างมาจากเกมของค่าย Level-5 ที่น่าจะดังพอควรเพราะยังมีภาคต่อออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน แถมมีออกมาให้เล่นแทบจะทุก platform ตั้งแต่คอนโซล มือถือ ยันพีซีเลยทีเดียว และเกมนี้ก็ถูกสร้างเป็นอนิเมออกฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อปีที่ผ่านมา โดย OLM, Inc. สตูดิโอเก่าแก่ที่มีผลงานที่แฟนทั่วโลกรู้จักกันดีอย่างโปเกม่อนนั่นเองครับ
เรื่องราวของ Ni no Kuni นั้นจะเกี่ยวกับโลกสองโลกที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งก็คล้ายๆ กับแนวเกิดใหม่ในต่างโลกนั่นแหละครับ แต่สำหรับในเรื่องนี้จะมีบางคนที่สามารถข้ามไประหว่างสองโลกได้เมื่อเกิดประสบการณ์เฉียดตายขึ้นมา ซึ่งตัวเอกของเรื่องจะมีด้วยกันสามคน คือ ยู เด็กหนุ่มที่พิการช่วงล่าง ฮารุ เพื่อนของยู และ โคโตนะ เด็กสาวที่คบกับฮารุอยู่ วันหนึ่ง โคโตนะถูกชายลึกลับลอบทำร้าย และส่งผลต่อเนื่องให้ยูและฮารุสามารถข้ามภพมายังอีกโลกหนึ่ง (พอข้ามภพแล้ว ยูก็หายพิการ สามารถเดินได้ด้วย) ซึ่งที่โลกนั้นมีเจ้าหญิงที่มีหน้าตาเหมือนโคโตนะที่ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ด้วย ทำให้ยูเริ่มสงสัยว่า โลกทั้งสองภพนี้มีความเชื่อมต่อกันอยู่
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นี่เป็นเรื่องราวรักสามเส้าเคล้าสองภพของยู ฮารุ และโคโตนะ ที่เริ่มจะบานปลายเพราะทั้งสองรู้ว่าโคโตนะนั้นเชื่อมต่อกับเจ้าหญิงต่างโลกอยู่ ทว่าฮารุกลับไปคิดว่า การช่วยเหลือเจ้าหญิงกลายเป็นการบั่นทอนชีวิตของโคโตนะให้สั้นลง ในขณะที่ยูคิดว่า หากเจ้าหญิงเป็นอะไปไป โคโตนะก็จะพลอยแย่ไปด้วย ซึ่งนั่นทำให้ทั้งสองอยู่คนละฝั่ง และต้องต่อสู้กันโดยมีเป้าหมายที่จะช่วยโคโตนะทั้งคู่ แต่สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายถูก และใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ล่ะ
ตอนแรกที่ผมบอกว่า เรื่องนี้มีกลิ่นอายของจิบลิอยู่พอสมควรนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผู้กำกับคือคุณ โมโมเสะ โยชิยูกิ นั้นเป็นลูกหม้อจิบลิ และปัจจุบันก็ยังคงสร้างสรรค์ผลงานให้กับทาง Ponoc อยู่ โดยมีผลงานที่เพิ่งผ่านตาเราไปไม่นานคือ Modest Heroes : Ponoc Short Films Theatre นั่นเองครับ และเอาจริงๆ ซีรี่ส์เกม Ni no Kuni นั้นก็มีส่วนเกี่ยวพันกับจิบลิอยู่พอสมควร เพราะทางจิบลิเคยทำอนิเมซีนให้กับเกมนี้ และ โจ ฮิซาชิ นักแต่งเพลงขาประจำของจิบลิก็ยังเคยทำเพลงให้เกมนี้ด้วย ตัวเกมเลยมีบรรยากาศกลิ่นอายของจิบลิอยู่ไม่น้อย และถึงทีมงานทำหนังโรงจะไม่ใช่จิบลิ แต่ก็มีทีมงานของจิบลิ และบรรยากาศแบบจิบลิอัดแน่นอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเลยล่ะ
ซึ่งในส่วนงานภาพนั้นก็ถือว่าโอเคนะครับ อาจจะไม่ถึงกับดีมาก แต่ก็ดูสบายตาดี ส่วนพล็อตเรื่องนั้นผมว่าเดาง่ายไปหน่อย และฮารุก็ดูงี่เง่าไปนิด แต่ก็ถือเป็นอนิเมที่ดูได้เพลินๆ แถมมีพากย์ไทยให้ด้วย แต่เหมือนคนทำบทซับกับบทพากย์จะเป็นคนละทีมกันอีกแล้ว คราวนี้ซับกับเสียงพากย์ก็ยังคงไปกันคนละทางเช่นเดิม แต่ก็ยังพอดูสนุกๆ ได้นะ ไม่ขัดใจมากเท่าเรื่องอื่นๆ อาจเพราะเป็นอนิเมที่ดูได้ค่อนข้างง่ายด้วย ถ้าชอบงานแนวจิบลิ หรือเป็นแฟนเกมนี้อยู่ ก็น่าจะลองดูนะ