อันที่จริง หากไม่มีปัญหาเรื่องไวรัส COVID-19 สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 48 ก็คงจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว และบรรยากาศในช่วงเดือนมีนาคม ก็คงจะเต็มไปด้วยการประกาศลิขสิทธิ์ รวมถึงหนังสือออกใหม่ในงานกัน แต่ด้วยเหตุการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ก็ทำให้งานสัปดาห์หนังสือปรับรูปแบบกลายเป็นงานสัปดาห์หนังสือออนไลน์ อย่างที่เราทราบๆ กันดีอยู่
ซึ่งอันที่จริง มันก็คือการประกาศยกเลิกการจัดงานหนังสือครั้งนี้นั่นแหละครับ และเราเองต่างก็ยอมรับว่า ทิศทางในอนาคต การขายหนังสือออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นแบบเล่มพิมพ์หรือ E-BOOK มันจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 มันทำให้กระบวนการนั้นถูกเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ทุกคนไม่ค่อยอยากจะออกจากบ้าน หากจะออกก็ต้องหาหน้ากากมาใส่ (ซึ่งราคาหน้ากากก็ดันโดนปั่นอีก) แม้จะมีมาตรการป้องกันมากแค่ไหน ก็เชื่อว่า หากจัดงานหนังสือต่อไป แน่นอนว่ายังไงก็มีคนเดิน แต่ก็คงไม่คึกคักอย่างที่คิด
แต่ถ้าถามผมจริงๆ นะ ผมเองก็ยังคงรู้สึกว่า เสน่ห์ของงานหนังสือ มันก็อยู่ที่การไปเลือกซื้อหนังสือในงานนี่แหละครับ และเอาจริงๆ งานหนังสือมันไม่ใช่แค่การไปเลือกซื้อหนังสือใหม่ หนังสือลดราคา แต่มันเป็นงานกิจกรรมพบปะระหว่างคนทำหนังสือ และนักอ่าน เป็นงานที่เหล่ากอง บก.จะได้ไปขายของ ไปเจอหน้าเจอตาคนอ่าน ไปฟังเสวนา แจกลายเซ็น ไปงานมีตติ้ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่งานขายหนังสือออนไลน์คงทำไม่ได้
นอกจากนี้ ผลกระทบจากการงดจัดงานหนังสือ ย่อมมีผลกับหลายๆ สำนักพิมพ์ในระดับที่แตกต่างกันไป สำหรับสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ที่มีระบบหน้าร้านออนไลน์เข้มแข็ง อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่าสำนักพิมพ์เล็กๆ ที่หน้าร้านยังไม่เข้มแข็ง ซึ่งตอนนี้รายใหญ่รายเจ้าก็เริ่มปล่อยโปรขายของออนไลน์กันคึกคักแล้ว บางเจ้านี่ทำโปรล้อไปกับโปร 3/3 ของเวบขายของออนไลน์ชื่อดังกันเลย ทว่าในส่วนของสำนักพิมพ์เล็กๆ นั้น แม้ว่าทางสมาคมหนังสือจะเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ก็ตาม แต่พูดตามตรงว่า มันก็คงจะไม่สามารถทดแทนรายได้จากการไปขายหนังสือตามงานปกติ ยิ่งบางสำนักพิมพ์ที่มุ่งเน้นจะออกหนังสือในรอบงานหนังสือมากเป็นพิเศษ เพราะการหดหายของร้านหนังสือตามห้างทำให้หลายสำนักพิมพ์ต้องเน้นขายตรงมากขึ้น การยกเลิกจัดงานสัปดาห์หนังสืออาจจะทำให้รายรับของบางสำนักพิมพ์ที่ยังปรับตัวมาออนไลน์ไม่ได้หายไปกว่าครึ่งปีทีเดียวครับ เพราะหนังสือที่จะขายในงานต้องสั่งพิมพ์ล่วงหน้าราวๆ 1-2 เดือน และหากส่งขายตามร้าน ต้องรอประมาณครึ่งปีถึงจะได้เห็นรายได้จากหนังสือกลับมาจากสายส่ง ซึ่งหากเป็นสำนักพิมพ์เล็กๆ ที่สายป่านยาวไม่พอนั้นถือได้ว่าโคตรจะวิกฤติเลยล่ะ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย และถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันในการที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งถ้าเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ได้รับผกระทบจากไวรัสไปก่อนแล้ว ในส่วนของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์นั้นยังถือว่าดีกว่ามากครับ สิ่งที่จะทำได้ก็คือ ใช้โอกาสนี้ในการสร้างความร่วมมือในการยกระดับอุตสาหกรรมหนังสือ ให้เติบโตเคียงคู่ไปพร้อมๆ กับยุคสมัย ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มช่องทางซื้อขายออนไลน์ แต่ยังรวมไปถึงความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในช่องทางอื่นๆ ในอนาคตด้วย เพราะเราคงไม่อยากให้สมาคมหนังสือฯ รวมตัวกันเพื่อที่จะขายหนังสือกันอย่างเดียวใช่ไหมล่ะครับ…
ปล.เกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสนั้น คาดว่าอีกสักเดือนสองเดือนน่าจะดีขึ้นครับ จากการที่ประเทศจีนเริ่มคุมสถานการณ์ในประเทศได้ และบ้านเราเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว อัตราการแพร่ระบาดน่าจะลดลงครับ และถึงงานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้จะงด แต่ปีนี้ยังมีงานหนังสืออีกหลายงานนะครับ ดูได้ละเอียดจากลิงค์ด้านล่างเลยครับ
ตารางงานหนังสือปีหน้า (2563) มาแล้ว (Update 16 กุมภาพันธ์ 63)