หน่วยผจญคนไฟลุก (En’en no Shōbōtai, Fire Force) เป็นอนิเมที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างสูงอีกเรื่องหนึ่งที่ญี่ปุ่นในช่วงปี 2019-2020 แต่กระแสบ้านเราดูเหมือนจะเงียบๆ ไปนิด ทั้งที่จริงอนิเมเรื่องนี้สร้างจากหนังสือการ์ตูนของ อัตสึชิ โอคุโบะ ที่มีผลงานที่เคยดังในบ้านเราอย่าง โซลอีทเตอร์ และตัวอนิเมเองก็มีลิขสิทธิ์ให้ชมกันเร็วไล่หลังญี่ปุ่นเลยด้วย
เรื่องราวของ หน่วยผจญคนไฟลุก เป็นโลกที่เกิดขึ้นในอนาคต ภายหลังจากเหตุการณ์ มหาภัยพิบัติ ที่ทำลายโลกไปเกือบหมดสิ้น พื้นที่ส่วนใหญ่ในโลกกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ผู้เหลือรอดได้ลี้ภัยไปอาศัยที่จักรวรรดิโตเกียว ซึ่งฟื้นตัวจากการสร้างอามาเทราสึ เตาปฏิกรณ์ขนาดยักษ์ที่ผลิตพลังงานหล่อเลี้ยงทั้งประเทศ โดยมี ศาสนจักรเซโย และกลุ่มอุตสาหกรรมไฮจิมะเป็นแกนหลักสำคัญที่คอยค้ำจุนศรัทธาและเศรษฐกิจของประเทศไว้
ทว่าที่ จักรวรรดิโตเกียว กลับเกิดเหตุการณ์ปริศนาที่เรียกว่า คนไฟลุก ที่เหล่าผู้คนในอาณาจักรเกิดไฟลุกไหม้เสียชีวิต และบ่อยครั้งที่คนไฟลุกได้ออกอาละวาดสร้างความเสียหายให้กับผู้คนและบ้านเมือง จึงต้องมี “หน่วยดับเพลิงพิเศษ” ที่ทำหน้าที่คอยรับมือกับเหตุการณ์คนไฟลุกโดยเฉพาะ โดยในหน่วยดับเพลิงพิเศษ จะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถใช้พลังเพลิง หรือคนไฟลุกที่สามารถควบคุมไฟของตัวเองได้โดยร่างกายไม่เกิดการลุกไหม้ไปก่อน ซึ่งเหล่าผู้มีพลังพิเสษนี้เองที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการรับมือกับเหล่าคนไฟลุก และส่งคนไฟลุกไปสู่สุขคติ ตามความเชื่อของศาสนาเซโย
ตัวเอกของเรื่อง ชินระ คุซาคาเบะ (ในยุคจักรวรรดิโตเกียว จะเรียกชื่อต้นก่อนนามสกุล) เป็นผู้มีพลังพิเศษรุ่น 3 ที่สามารถพ่นไฟออกจากเท้าได้ ชินระเข้าหน่วยดับเพลิงพิเศษที่ 8 ซึ่งเป็นหน่วยใหม่ที่มีบุคลากรน้อยที่สุด ทว่างานของหน่วย 8 นอกจากจะต้องรับมือกับเหล่าคนไฟลุกแล้ว ยังมีหน้าที่พิเศษในการสืบสวนค้นหาความจริงเกี่ยวกับปรากฎการณ์คนไฟลุก ซึ่งอาจมีเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับศาสนจักรเซโย และกลุ่มอุตสาหกรรมไฮจิมะที่ดูเหมือนกำลังปกปิดความจริงบางอย่างเอาไว้
แรกๆ เนื้อเรื่องจะเหมือนการ์ตูนโชเน็นธรรมดา ที่เน้นการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังพิเศษกับเหล่าคนไฟลุก แต่หลังๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงสืบสวนหาความจริงเกี่ยวกับปรากฎการณ์คนไฟลุก เนื้อเรื่องจะยิ่งเข้มข้น และเมื่อเหล่าคนชุดขาวที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ปรากฎตัวออกมา เรื่องราวก็จะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก หน่วยดับเพลิงพิเศษทั้ง 8 ที่เดิมทีไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ก็จะเริ่มหันหน้าเข้าหากัน จับมือเป็นพันธมิตรโดยมีหน่วย 8 เป็นศูนย์กลาง เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่อาจพลิกโฉมประเทศได้เลยทีเดียว
ตัวอนิเมนั้นผลิตโดย David Production ซึ่งต้องขอชมว่า ทำออกมาได้ดีเกินคาดมาก เพราะจริงๆ ลายเส้นของ อัตสึชิ โอคุโบะ นั้น มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาตั้งแต่งานเก่า ( โซลอีทเตอร์) พอมาถึงเรื่องนี้ก็สามารถถ่ายทอดลายเส้นออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ แม้จะแอบมีเผางาน (แบบเนียนๆ) ให้เห็นบ้าง ฉากต่อสู้ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะ CG ไฟที่โดดเด่น สมกับที่ David Production ถูกก่อตั้งขึ้นโดยทีมงานหลักของค่าย Gonzo (สมัยก่อน Gonzo คือค่ายเทพด้าน CG ที่บุกเบิกการนำ CG มาใช้กับอนิเมเป็นค่ายแรกๆ ของญี่ปุ่นเลยครับ)
และที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ เพลงเปิดแรกของเรื่อง Inferno โดย Mrs. GREEN APPLE กลายเป็นเพลงอนิเมที่ดังมากๆ ในปี 2019 ติดอันดับความนิยมแทบทุกชาร์ต ยอดชม MV ใน Youtube ก็ทะลุร้อยล้านไปแล้ว (ส่วนตัว OP ที่ funimation อัพโหลดไว้ ก็มียอด view กว่า 35 ล้านวิวด้วยเช่นกัน) ถ้าใครอยากหาอนิเมดูยาวๆ ช่วงโควิดนี้ แนะนำเลยครับ มีให้ชมกันทั้ง Netflix และ Ais Play ครบ 48 ตอน (2 ซีซัน)เลย