ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย ที่ไทยน่าจะมีหนังทำเงินร้อยล้านเรื่องแรก นับตั้งแต่ประเทศเข้าสู่สภาวะโควิด-19 จนธุรกิจหนังโรงแทบจะย่อยยับเนื่องจากหนังโปรแกรมยักษ์เลื่อนฉายกันหมด แถมพอลองเอาหนังดังอย่าง WW84 มาลองฉาย ก็ยังไม่ทำเงินตามที่หวังไว้อีก
ทว่าด้วยสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลาย และปัจจัยบวกหลายๆ อย่าง Godzilla vs. Kong ก็ได้ฤกษ์เข้าฉายในช่วงปลายเดือนมีนาคม และทำเงินไปอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งพูดกันตามตรงก็ถือว่าเกินคาดนะครับ เพราะตอนที่ Godzilla และ Kong เข้าฉายในบ้านเรา (แบบภาคแยก ก่อนหน้ายุคโควิด) มันก็เป็นหนังทำเงินนะ แต่ก็ไม่ใช่ระดับถล่มทลายแบบนี้ แต่พอเป็น Godzilla vs. Kong เข้าฉาย โรงหนังที่เงียบหงอยมานาน ก็กลับมาคึกคักทันที
(จากบรรทัดต่อไปนี้ จะมีสปอยล์เนื้อหา ถ้ายังไม่ได้ดู ข้ามไปก่อน)
ก่อนอื่นผมคงต้องบอกก่อนครับว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ได้มาเจอกันในโรงภาพยนตร์ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีหนัง King Kong vs. Godzilla ในปี 1962 มาแล้ว ซึ่งตอนนั้นญี่ปุ่นสร้าง ผลก็เลยออกมาว่า ก็อตซิลล่าเอาชนะคิงคองไปได้ครับ แต่พอมาครั้งนี้เป็น Godzilla vs. Kong ที่ทาง Legendary Entertainment (อเมริกา) เป็นคนสร้าง และเอาชื่อ ก็อตซิลล่า ขึ้นก่อน คนก็เลยเดากันว่า คิงคองน่าจะเป็นฝ่ายชนะบ้าง แถมผู้กำกับยังออกมาเรียกแขก ให้สัมภาษณ์ว่า การต่อสู้ครั้งนี้ จะมีผลแพ้ชนะชัดเจนด้วย แต่ผลออกมา กลับไม่เป็นอย่างที่คิด
สำหรับเนื้อเรื่องนั้น จะเป็นภาคต่อของ Godzilla: King of the Monsters (2019) และ Kong: Skull Island (2017) โดยมนุษย์สามารถกักกันคองเอาไว้ได้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คองไม่ต้องเจอกับก็อตซิลล่า ไม่งั้นตีกันแหลก แต่อยู่ๆ ก็อตซิลล่าที่สงบเงียบไป 3 ปีก็เกิดอาละวาดทำลายโรงงานอุตสาหกรรมบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ จนโลกวุ่นวายไปหมด ซึ่งมีบางคนคิดว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
และก็เป็นดังคาดครับ บริษัท Apex ที่ว่าแอบซ่อนกะโหลกของคิงกีโดร่าเอาไว้ จากตัวอย่างท้ายหนังภาคก่อนนั่นแหละ ซึ่งบางคนคิดว่าน่าจะเอาไปสร้างเป็นเมก้ากิโดร่า แต่จริงๆ มันคือแผนการสร้างเมก้าก็อตซิลล่า (ใครที่แอบเห็นเจ้าเมก้าฯจากตัวอย่างหนัง คุณเดาได้ถูกต้องแล้วครับ) คือมนุษย์ต้องการจะคุมพลังของสัตว์ประหลาดยักษ์เอาไว้ให้ได้นั่นแหละครับ แต่แน่นอนครับว่า ท้ายสุดก็ควบคุมไม่ได้อยู่ดี แถมยังเอามาซุกไว้ที่ที่คนอยู่เยอะแบบฮ่องกงอีก ไม่รู้จะสื่อถึงอะไรรึเปล่าหนอ (ไม่หรอก แค่อยากขายตลาดจีนน่ะแหละ)
และผลของการอาละวาดของก็อตซิลล่า ก็เลยต้องมีการย้ายคองออกไป แต่สุดท้ายพี่ก็อตก็ตามเจอ เลยเป็นฉากต่อสู้กันในเรือดังที่เราเห็นนั่นแหละครับ (ผมมี่นึกถึงฉากเปิดตัวเอวา 02 เลย) พูดกันตามตรงเลยว่า ฉากต่อสู้ใหญ่ทั้งสองฉากในเรื่องนี้ มีเปิดเผยในตัวอย่างหมดแล้ว คือบนเรือและที่ฮ่องกง (แน่นอน เพื่อขายตลาดจีน) แต่ในตัวอย่างไม่ได้เปิดเผยเมก้าก็อตซิลล่าให้เห็นจะจะแค่นั้นเอง แต่ฉากต่อสู้ทั้งสองฉากน่ะทำออกมาได้ดีมากครับ ดีจนพอจะลืมจุดบกพร่องและความไม่สมเหตุสมผลหลายๆ อย่างได้ คือหนังมันฉายสัตว์ประหลาดตีกันน่ะ และมันก็ทำออกมาได้ดีด้วย ล่อกันตั้งแต่มืดยันสว่าง Non Stop ให้สะใจแฟนๆ กันไปเลย
ส่วนผลการตีกันรอบนี้ ที่ผมว่าผิดคาดก็คือ คองแพ้ทั้งสองยกครับ ยกแรกแพ้บนเรือ ผมนึกว่าจะกลับมาเอาคืนได้ อุตส่าห์มุดโลกไปตีบัฟมาแล้วด้วย แต่ปรากฎว่ายกสองที่ฮ่องกงก็แพ้อยู่ดี ขนาดได้ขวานตีบวกของบรรพบุรุษคองมาครองแล้วนะ ทว่าก็อตซิลล่ากลับไปแพ้เมก้าก็อตซิลล่า และสุดท้ายกลายเป็นคองที่เอาชนะเมก้าได้ด้วยขวานชุบรังสีก็อตซิลล่าอีก มันก็เลยเหมือนวนลูบเป้ายิงฉุบ ก็อตชนะคอง คองชนะเมก้า เมก้าชนะก็อต ดูแล้วก็เออ..ได้อยู่ว่ะ
จุดด้อยของหนังก็อย่างที่ผมบอกแหละครับ ว่ามันมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่เต็มไปหมด แต่หนังมันจะขายสัตว์ประหลาดตีกัน..ก็โยนเหตุผลทิ้งไปนั่นแหละครับ อย่าไปเอาอะไรกับเนื้อเรื่องเลย ส่วนที่เป็นเนื้อเรื่องพวกดราม่ามนุษย์นี่แหละกลายเป็นจุดน่าเบื่อของหนัง คือเป็นภาคที่ตัวละครดูไม่น่าจดจำมากกว่าภาคก่อนๆ เสียอีก จะมีก็แต่น้องหนูที่สื่อสารกับคองได้นี่แหละ ที่ดูเด่นหน่อย แต่โดยรวมแล้ว ถือเป็นหนังก็อตซิลล่าที่ตีกันมันส์ดี พูดน้อยต่อยหนัก น่าจะสะใจแฟนๆ หนังสายนี้ แถมมี gimmick แทรกอยู่เยอะเอาใจแฟนๆ ด้วย แต่ถ้าอยากได้แบบเนื้อหาลึกๆ หรือแนวมนุษย์นิยมเน้นดราม่า แนะนำให้ไปขุดชินก็อตซิลล่าของ อันโนะ ฮิเดอากิ มาดูนะครับ อันนั้นก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สนุกใช้ได้เลย แต่ถ้าในฝั่งตะวันตกล่ะก็ ผมชอบภาคที่แล้ว (คิงกิโดร่า) มากกว่าหน่อยนึงครับ