2 เมษายน ปีนี้ เป็นวันครบรอบ 30 ปีการออกอากาศของ Mobile Suit Victory Gundam อนิเมทีวีซีรีส์กันดั้มเรื่องที่ 4 และเป็นเรื่องแรกที่ย้ายมาออกอากาศทางทีวีอาซาฮี (และฉายต่อเนื่อง 4 ภาค V G W X) ในขณะที่สามซีรี่ส์แรกออกอากาศทางนาโงย่าทีวี
โดยธีมของเรื่องถูกวางไว้ให้จับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กประถม เพราะตอนนั้นกระแส SD GUNDAM มาแรงและถูกใจเด็กมากๆ ตัวเอกของภาคนี้ อุซโซ่ จึงถูกกำหนดให้มีอายุเพียงแค่ 13 ปี ให้เข้ากับผู้ชมที่(ตั้งใจจะให้)เป็นเด็ก ทว่าเมื่อผู้กำกับภาคนี้ชื่อ โทมิโนะ โยชิยูกิ ก็ทำให้ Victory Gundam กลายเป็นหนึ่งในกันดั้มที่มีเนื้อหาหนักหน่วงสุดๆ ซึ่งนั่นถูกใจแฟนๆ ของกันดั้มดั้งเดิม รวมถึงคนที่เคยชอบภาค Z และ ZZ ที่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว แต่กลับไม่สามารถจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กประถมได้ตามที่หวัง จนหลายๆ คนมองว่าภาคนี้เป็นทีวีซีรีส์ที่ล้มเหลว และทำให้โปรเจคกันดั้มทีวีซีรีส์เรื่องต่อไปในจักรวาล UC ที่ชื่อ Polca Gundam (ポルカガンダム) ต้องโดนระงับ แล้วหันไปทำกันดั้มแนวไฟติ้งที่กำลังมาแรงอย่าง Mobile Fighter G Gundam แทน.. (และ G Gundam ก็กลับมาดังในหมู่เด็กๆ ได้จริงๆ)
อย่างไรก็ตาม การมาของ Victory Gundam ที่มีการปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตกันพลาหลายๆ อย่าง ตั้งแต่การแยกชิ้นสีที่สวยขึ้น ต่อง่ายขึ้น ขนาดตัวกันพลาที่เล็กลง (จริงๆ ไซส์มันเล็กลงตั้งแต่ภาค F-91 แล้วล่ะ แต่เทคโนโลยีการผลิตภาคนี้ทำได้ดีกว่า) ทำให้กันพลาภาคนี้ขายดีมากๆ ยอดขายกันพลาเติบโตขึ้นจากเดิมถึงสองเท่า แต่ก็ยังไม่ได้ตามเป้า เพราะตอนนั้น SD Gundam เองก็ขายดีมากๆ ด้วยเช่นกัน และยอดของกันพลาแบบปกติในยุคนั้น ยังตามหลัง SD Gundam อยู่มากนั่นเองครับ แต่กันพลาของภาคนี้ก็ทำออกมาสวย แม้จะมีดีไซน์บางอย่างที่ดูประหลาดและหลุดโลก แต่ก็มีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ ทั้งหุ่นผู้ร้าย และตัวเอก ซึ่งท่าปีกแห่งแสงของ V2 Gundam สำหรับผมนี่ถือเป็นท่าที่ผมชอบมากๆ เลยครับ