Nausicaä of the Valley of the Wind

ในบรรดาผลงานของผู้กำกับมิยาซากิ และสตูดิโอจิบลินั้น Nausicaä of the Valley of the Wind ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนานของสตูดิโอแห่งนี้ แม้ในความเป็นจริงผลงานเรื่องนี้สร้างขึ้นมาโดย Topcraft ออกฉายในปี 1984 ซึ่งในตอนนั้น สตูดิโอจิบลิยังไม่ได้ก่อตั้งเลยด้วยซ้ำ (จิบลิก่อตั้งปี 1985) แต่ทุกคนก็ยอมรับกันว่า นี่แหละคือผลงานเรื่องเยี่ยมของจิบลิ!

ลายเส้นดั้งเดิมสไตล์มิยาซากิ ฮายาโอะ

Nausicaä of the Valley of the Wind หรือชื่อไทย มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม เป็นผลงานอนิเมที่ อ.มิยาซากิ สร้างจากต้นฉบับหนังสือการ์ตูนที่อาจารย์มิยาซากิเป็นคนเขียนเองเมื่อปี 1982 และมีความยาวถึง 7 เล่มจบ (พิมพ์จบปี 1994) ซึ่งอนิเมที่เราดูนั้นมีเนื้อหาเพียงแค่ 1 ใน 4 ของเนื้อเรื่องทั้งหมดเท่านั้น และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ อนิเมเรื่องนี้สร้างโดนได้รับเงินสนับสนุนส่วนหนึ่งจาก องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) เนื่องจากเนื้อหาของอนิเม มีการพูดถึงการอนุรักษ์และปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมอย่างตรงไปตรงมา

โลกในยุคอนาคต ที่แมลงปกครองโลกที่เต็มไปด้วยสปอร์พิษ

เนื้อเรื่องของนาอุชิก้า จะเป็นโลกในยุคอนาคตภายหลังจากอารยธรรมล่มสลาย 1000 ปี ในโลกยุคนี้เกิดป่าเชื้อราพิษหรือที่เรียกว่า “ทะเลเน่า” ซึ่งมีแต่แมลงที่สามารถอาศัยอยู่ได้ และผู้ที่อยู่เหนือจุดสูงสุดนั้นก็คือ Ohmu (ชื่อมันอ่านได้หลายแบบ ขอทับศัพท์ภาษาอังกฤษละกันครับ) ซึ่งเป็นแมลงขนาดยักษ์ที่หากโกรธเมื่อไหร่ก็สามารถทำลายอาณาจักรให้พินาศได้เลย ซึ่งนาอุชิก้าตัวเอกของเรื่องนั้นก็เป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งสายลม ซึ่งวันหนึ่ง สงครามระหว่าง Torumekia ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มีกองทัพขนาดใหญ่ กับอาณาจักร Doroks ที่เก็บซ่อนความลับในอดีตบางอย่างเอาไว้ก็กำลังปะทุขึ้น โดยมีหุบเขาแห่งสายลมเป็นศูนย์กลางของเรื่อง

ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยไอพิษ การใส่หน้ากากกันพิษจึงเป็นเรื่องปกติ

แม้ว่าธีมของเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติแบบตรงไปตรงมา แต่ อ.มิยาซากิ ก็สร้างโลกของนาอุชิก้าขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ ทั้งความแตกต่างของสองอาณาจักรในด้านการเมือง ศาสนา และวัฒนธรรมที่แสดงถึงปัญหาความขัดแย้งทางชาติพันธ์ออกมาอย่างเด่นชัด และเมื่อดูลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว เราก็อาจจะรู้สึกว่า ทั้งสามอาณาจักรก็ไม่ได้มีใครดีใครเลวไปเสียทั้งหมด เพียงแต่การมองโลกในจุดยืนที่แตกต่างกัน และล้วนแต่ต้องการทำให้โลกนี้ดีขึ้น แม้มันจะแลกด้วยการสูญเสียอะไรบางอย่างไปก็ตาม

Ohmu (ผมเรียกมันว่าถั่งเช่ายักษ์) เวลาโกรธจัด ตาจะเป็นสีแดง

ตอนที่อนิเมเรื่องนี้ออกฉายในปี 1984 นั้นถือว่าประสบความสำเร็จสูงมาก จากทุนสร้าง 180 ล้านเยน ทำรายได้เฉพาะในประเทศไปถึง 1480 ล้านเยน ตัวนาอุชิก้าเองก็ขึ้นแท่นนางเอกอนิเมอันดับ 1 และครองชาร์ตอันดับตัวละครในนิตยสารอนิเมจของญี่ปุ่นมานานนับสิบปี ไม่รวมถึงอิทธิพลของตัวอนิเมที่ส่งผลถึงานแฟนตาซีของญี่ปุ่นในยุคหลัง ทั้งการ์ตูน อนิเม และเกม ที่ต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอนิเมเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก

งานของจิบลิมักมีฉากการรบทางอากาศแทรกอยู่เสมอ

และแน่นอนครับว่า ถ้าเป็นผลงานของ มิยาซากิ ฮายาโอะ แล้วล่ะก็ ไม่พลาดที่จะใส่ความชื่นชอบทางด้านอากาศยานลงไปแบบเต็มๆ ยิ่งเป็นผลงานที่สร้างจากต้นฉบับคอมมิคของตัวเองด้วย เราจึงเห็นเครื่องบินรูปแบบแปลกตาในเรื่องเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเครื่องร่อนของนาอุชิก้าที่กลายเป็นภาพจำของเรื่อง (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Möwe ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันแปลว่า นางนวล) ซึ่งภายหลังก็ได้มีความพยายามที่จะทดลองทำเจ้าเครื่องร่อนนี้ออกมาจริงๆ ด้วยนะ

Möwe หรือเครื่องร่อนในเรื่อง

เอาเป็นว่าถ้าเป็นคนที่ชอบอนิเมญี่ปุ่น ชอบความแฟนตาซี รักงานจิบลิ โดยเฉพาะแฟนอนิเมคลาสสิค Nausicaä of the Valley of the Wind เป็นผลงานอนิเมที่ไม่ควรพลาดชมเลยครับ ถ้ามีเวลาสักสอง ชม. ก็ลองค่อยๆ ละเมียดชมดูเถอะครับ ด้วยพล็อตที่ลึกซึ้ง และงานภาพที่ยังดูสวยแบบคลาสสิค อาจจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่านี่เป็นผลงานที่สร้างมาสามสิบกว่าปีแล้ว…