เปิดตัว PlayStation 5 อย่างเป็นทางการ พร้อมกำหนดวางจำหน่ายปลายปี 2020

หลังจากเลื่อนการเปิดตัวมาแล้วสองสามรอบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในที่สุดทาง Sony ก็เปิดเผยโฉมหน้าของ PlayStation 5 ออกมาให้เราได้ชมกันแล้วครับ

DualSense คอนโทรลเลอร์ ที่ปล่อยภาพออกมาตั้งแต่เมษายน

ซึ่งก่อนหน้านั้น ก็มีข่าวลือเรื่อง PlayStation 5 รุ่นใหม่ออกมาหลายครั้งมาก รวมถึงการที่ทาง sony เอง ก็ปล่อยภาพของเจ้า DualSense คอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่ออกมาก่อนหน้าแล้ว ซึ่งต้องยอมรับครับว่า แม้ปุ่มกดจะไม่มีอะไรต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก (บางปุ่มก็เปลี่ยนชื่อ เช่น L2+R2 เปลี่ยนเป็น Adaptive Trigger ที่มีจุดเด่นคือปุ่มจะมีความหน่วงเพิ่มขึ้นเหมือนกดไกปืนจริงๆ) แต่ดีไซน์โค้งมันดูเหมือนบูมเมอแรงอวกาศมาก (แต่ก็แอบคล้ายๆคอนโทรลเลอร์ X-Box นะ) ส่วนระบบการสั่นเปลี่ยนใหม่จากเดิมที่เป็นแบบมอเตอร์กลายเป็นแบบ Haptic Feedback ที่ให้มิติของการสั่นได้หลายระดับมากกว่าเดิม ส่วนตัวไฟ LED บอกสถานะก็ย้ายจากด้านบน มาอยู่บริเวณ TouchPad แทน และด้วยโทนสีขาวดำแบบนี้ มันก็ทำให้เดาได้ไม่ยากว่า ตัวเครื่องน่าจะมาโทนเดียวกัน สอดคล้องกับข่าวลือและภาพหลุดรุ่นทดสอบที่ออกมาก่อนหน้านี้

จากข้อมูลที่เปิดเผนออกมาเบื้องต้นเครื่อง PlayStation 5 จะมีออกมาด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น ก็คือ Standard Edition และ Digital Edition ซึ่งตัว spec ต่างๆ นั้นจะเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ตัว Digital Edition จะตัดเอาไดร์ฟอ่านแผ่น Blu-ray ออก ซึ่งทำให้ตัวเครื่องบางลง และราคายังถูกลงด้วยครับ แต่แน่นอนว่าตัวเกมนั้นจะเล่นได้เฉพาะเกมที่ซื้อแบบ Digital Download ผ่าน PlayStation Store เท่านั้นนะครับ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของตลาดเกมแบบดิจิตอลที่กินส่วนแบ่งเกินครึ่งไปแล้ว แต่โดยส่วนตัวผมก็ยังชอบแบบแผ่นมากกว่านะ

ส่วน spec ของเครื่องนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความแรงเลยครับ ด้วย CPU แบบ 8core AMD Zen 2 และ GPU Custom-rDNA2 AMD Chipset รุ่นใหม่ที่ให้ความแรงถึง 10.28 teraflops พร้อมหน่วยความจำ SSD ความเร็วสูง และแบบ Raid 0 ของ SSD NVMe ซึ่งรองรับความจุ 850GB ทำให้สามารถแสดงผลได้ความละเอียดสูงสุด 4K 120 FPS ได้อย่างสบายๆ และอาจทำให้หลายๆ คนต้องมองหาทีวีใหม่แบบ 4K รอไว้ล่วงหน้า  ซึ่งสอดคล้องกับที่ Mark Cerny หัวหน้าทีมวิศวกรผู้ออกแบบเครื่องเกมคอนโซลของ Sony เคยกล่าวไว้ว่า “เครื่องเล่นเกม Playstation รุ่นต่อไป จะเร็วและแรงกว่า PS4 100% โดยตัวเครื่องจะไม่ได้เป็นการอัพเกรดเล็กๆน้อยๆเหมือนกับ PS4 Pro แต่เป็นการยกเครื่องใหม่หมด”

สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ นั้นก็ตัวเครื่องรองรับทั้ง USB-A และ USB-C และยังมีมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เปิดเผยภาพออกมาแล้ว อาทิ กล้อง PS HD Camera, หูฟัง Pulse 3D Wireless พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และมีรีโมทสำหรับรับชมความบันเทิงต่างๆ นอกเหนือจากการเล่นเกม (เช่น คนที่ชอบดู Netflix หรือ Youtube บน PS4 อย่างผมนี่แหละ) ซึ่งคงจะมีอุปกรณ์อื่นๆ ออกตามมาอีกมากมายครับ

ในส่วนของราคา ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ว่ารุ่น Standard Edition จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 22,000-24,000 (1TB-2TB) ส่วน Digital Edition จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 19,000-21,000 (1TB-2TB) และมีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงหยุดเทศกาลปลายปีนี้ครับ