Code Geass: Lelouch of the Re;surrection

เป็นอนิเมใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างแปลกใจว่า ทำไมลง Netflix เร็วมาก แต่ก็ถือว่ามาได้จังหวะดีทีเดียว เพราะตัวผมเองไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ตอนฉายในโรงด้วย พอมีจังหวะช่วงหยุดยาว 4 วันติดก็เลยได้มานั่งดูบทสรุปของ Code Geass ฉบับหนังโรงที่เพิ่งฉายไปเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง

ก่อนอื่น คงต้องอธิบายก่อนว่า Code Geass: Lelouch of the Re;surrection นั้น แม้จะเป็นตอนต่อ แต่ไม่ใช่ตอนต่อจากทีวีซีรี่ส์สองภาคที่เคยออกอากาศช่วงปี 2006-2008 นะครับ แต่เป็นหนังโรงที่ทำเนื้อหาต่อจาก Code Geass: Lelouch of the Rebellion ฉบับหนังโรงไตรภาคที่ฉายที่ญี่ปุ่นช่วงปี 2017-2018 ซึ่งถึงแม้จะเป็นการเอาเนื้อหาภาคทีวีซีรี่ส์มาเล่าใหม่ (Re-Cap) แต่ก็มีการเปลี่ยนรายละเอียดปลีกย่อยหลายจุด เช่นตัวละครบางตัวที่เคยตายในภาคทีวีซีรี่ส์ แต่กลับมีชีวิตรอดในภาคมูฟวี่ เป็นต้น (ไม่ขอลงรายละเอียดไปมากกว่านี้นะ เพราะมันจะสปอยล์เกินไป)

ตัวละครใหม่ในภาคนี้

หลังจากที่ Code Geass: Lelouch of the Rebellion ไตรภาค ทำเงินรวมกันไปได้มากกว่า 600 ล้านเยน (สำหรับหนัง Re-Cap ก็ถือว่าไม่น้อยนะ) ก็มาถึงมูฟวี่สุดท้ายที่เป็นเนื้อหาใหม่หมด ซึ่งคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลา เพราะชื่อเรื่องก็สปอยล์กันอยู่โต้งๆ แล้วว่า ลูลูช ในเวอร์ชั่นนี้ไม่ตายครับ แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะกลายเป็นลูลูชเวอร์ชั่นไร้วิญญาณที่ออกเดินทางไปพร้อมกับ CC ในขณะที่สุซาคุนั้นก็ยังคงสวมบทบาทเป็นซีโร่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความสงบสุขของโลกต่อไป

สุซาคุ โดนจับทรมาน?

แต่เรื่องราวกลับพลิกผัน เมื่อ นันนาลี น้องสาวของลูชูชกลับถูกลักพาตัว ในขณะที่ CC เองก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ลูลูชกลับฟื้นคืนสติขึ้นมาดังเดิมด้วยการพยายามกลับเข้าไปยังโลกแห่งซีอีกครั้ง แถมยังมีศัตรูใหม่ที่มีพลัง Geass สุดโกง ผู้มีจุดประสงค์ที่จะสร้างสงครามครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูอาณาจักรของตน ซึ่งนั่นทำให้ ลูลูช มหาบุรุษผู้เป็นซิสค่อนตัวพ่อ(ฮา) สุซาคุ และเหล่าภาคีอัศวินดำต้องกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

แฟนๆ CC มีเฮ

แน่นอนครับว่า ถ้าเป็นแฟน Code Geass ก็คงไม่อาจพลาดภาพยนตร์ชุดนี้ เพราะมันกลายเป็นบทสรุปเรื่องราวของลูลูชในแบบที่ Happy Ending จริงๆ แต่ก็ควรที่จะหาหนังโรงทั้งสามภาคมาดูก่อน เพราะอย่างที่บอกครับว่า มันมีจุดสำคัญทีแตกต่างจากซีรี่ส์เดิมอย่างน้อย 1 จุดใหญ่ๆ ที่ใครไม่ได้ดูมาก่อนอาจเหวอได้ แต่ถึงไม่ได้ดูมูฟวี่สามภาคก็ยังดูภาคนี้สนุกนะ ซึ่งที่ญี่ปุ่นเองก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย เพราะภาคนี้ทำรายได้ไปมากกว่าพันแปดร้อยล้านเยนทีเดียว ไหนๆ ตอนนี้ Netflix ก็เอามาให้ดูกันถึงบ้านแล้ว ก็อย่าพลาดเลยครับ..อ้อ กระซิบให้หน่อยว่า ภาคนี้อวย CC สุดๆ เลยล่ะ