Digimon Adventure: Last Evolution Kizuna

Digimon Adventure: Last Evolution Kizuna คือหนังโรงภาคล่าสุดของซีรี่ส์ Digimon Adventure การ์ตูนทีวีที่โด่งดังสุดๆ เมื่อปี 1999 และเป็นเหตุการณ์ 5 ปีต่อจาก Digimon Adventure: tri ซึ่งถือได้ว่าหนังโรงภาคนี้เป็นบทสรุปสุดท้ายของดิจิม่อนซีรี่ส์ที่เดินทางมายาวนานกว่า 20 ปี

เหล่าเด็กๆ ผู้ถูกเลือกที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่

สำหรับเนื้อเรื่องในภาคนี้ จะเป็นเรื่องราวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อชีวิตของเหล่าเด็กๆ ที่ถูกเลือก ซึ่งหลายๆ คนอยู่ในวัยที่ต้องต้องตัดสินอนาคตเลือกเส้นทางของตนเอง ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ลึกลับที่ทำให้เหล่าเด็กที่ถูกเลือกหมดสติไม่พื้นขึ้นมา พร้อมกับเหล่าดิจิมอนคู่หูก็หายไปด้วย ซึ่งดูเหมือนว่า จะมีดิจิมอนลึกลับที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้พวกไทจิที่ตอนนี้เหลือรวมกลุ่มอยู่ไม่กี่คนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่โลกดิจิตอลเพื่อหยุดยั้งหายนะนี้ ทว่าความจริงที่รอพวกเขาอยู่ก็คือ ยิ่งไทจิและยามาโตะต่อสู้มากเท่าไหร่ เวลาที่ทั้งสองจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับอากูม่อนและกาบูม่อนก็จะยิ่งเหลือน้อยลงเท่านั้น

ซีนหนึ่งที่ผมชอบมาก ก็คือไทจิกับยามาโตะนั่งก๊งเบียร์กัน..มันทำให้รู้สึกว่า เด็กๆ โตขึ้น ในขณะที่ตัวผู้ชมเองก็แก่ขึ้นด้วย(ฮา)

คีย์เวิร์ดของภาคนี้ก็คือ การก้าวข้ามผ่านวัยเด็กเพื่อที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่พวกไทจิเติบโตขึ้น ดิจิม่อนคู่ใจของเขานั้นก็ยังคงเหมือนเดิม นั่นเพราะดิจิม่อนเปรียบเสมือนความเป็นเด็กที่อยู่ในใจ พัฒนาการของดิจิม่อนนั้นก็มาจากความเป็นไปได้ในการเติบโตของเด็กๆ ซึ่งตอนเด็กๆ นั้นทุกคนก็มีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตขึ้นมาได้หลากหลายรูปแบบ แตเมื่อเราเติบโตขึ้น ความเป็นไปได้นั้นก็จะค่อยๆ ลดลง พร้อมกับอนาคตของแต่ละคนที่จะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

การกลับมาของโอเมก้ามอน ที่หลายๆ คนคิดถึง

“ผีเสื้อ” ถูกสื่อออกมาแทนสัญลักษณ์ของการเติบโตในเรื่อง แน่นอนว่า “ผีเสื้อ”(Butterfly) นั้นคือชื่อเพลงเปิดเรื่องสุดฮิตของซีรีส์ดิจิม่อน (ที่เราเอามาแปลงเป็นเพลงปีกรัก) นัยหนึ่งมันจึงสื่อถึงการ “ลอกคราบ” จากดักแด้ (เด็ก) ที่เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ดิจิม่อนคู่ใจของเมโนอา ตัวละครใหม่ที่เป็นตัวหลักประจำภาคนี้ก็เป็นผีเสื้อ ที่นอกจากจะสื่อถึงการเติบโต ความเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็ยังสื่อถึงความบอบบางในจิตใจ ซึ่งในภาคนี้เล่นกับประเด็นนี้ค่อนข้างมากครับ ความหวาดกลัวที่ดิจิม่อนจะหายไป ทำให้เด็กๆ ไม่กล้าก้าวข้ามวัยเด็กเป็นผู้ใหญ่ และอยากที่จะหยุดวัยเด็กของตนไว้ให้นานที่สุด เป็นคีย์สำคัญของหนังโรงภาคนี้

นอกจากเด็กที่ถูกเลือกรุ่นแรกแล้ว รุ่นสองก็มีบทในภาคนี้ด้วย

ซึ่งโดยภาครวมของหนังทั้งหมด หนังไม่ได้ขายผู้ชมที่เป็นเด็กแน่ๆ แต่เหมือนจะเน้นไปที่กลุ่มผู้ชมที่เคยเป็นเด็ก และมีความทรงจำร่วมกับดิจิม่อนมากกว่า พร้อมกับตั้งคำถามกับผู้ชมด้วยว่า เราพร้อมจะก้าวออกจากความเป็นเด็กแล้วหรือยัง ซึ่งจริงๆ ตัวเราสามารถก้าวไปเป็นผู้ใหญ่ โดยไม่หลงลืมความเป็นเด็กทิ้งไว้เบื้องหลังก็ได้ เหมือนไทจิจะไม่มีวันลืมอากูม่อน และยามาโตะไม่มีวันลืมกาบูม่อนนั้นแหละครับ

ภาคนี้ใช้สมาร์ทโฟนแทนดิจิไวซ์แล้ว

ทิ้งท้ายไว้หน่อยว่า ตัวหนังภาคนี้จะเน้นไปที่ตัวไทจิกับยามาโตะเป็นหลัก สำหรับแฟนๆ สองคนนี้คงรู้สึกดีใจที่ได้เห็นการเติบโตของสองคนนี้อย่างเต็มอิ่ม ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็มีบทมากน้อยลดหลั่นกันไปจนถึงแทบจะไม่มีบทเลยก็มี (ฮา) อย่าไปโดนโปสเตอร์หลอกว่าจะได้เห็นตัวละครทั้งหมดออกมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้านะครับ แต่อย่างน้อย เราก็จะได้เห็นเส้นทางชีวิตของทุกคนแหละว่า เด็กๆ แต่ละคนเติบโตมาเป็นคนแบบไหน เป็นแบบที่เราคาดหวังไว้หรือเปล่า แต่ที่แน่นอนคือ ทุกคนต่างก็มีความสุขในเส้นทางที่ตนเองเลือก และเติบโตในเส้นทางที่ตัวเองควรเป็น…ซึ่งนั่นคือบทสรุปของหนังโรงดิจิมอนภาคนี้ ที่แฟนๆ ดิจิม่อน น่าจะมีความสุขที่ได้รับชมแน่ๆ