JUMP FORCE เกมที่ควรรอซื้อตอนลดราคา

เมื่อต้นปีที่แล้ว JUMP FORCE ถือเป็นเกมที่สร้างความฮือฮาในวงการเกมไม่น้อย เพราะมันเป็นเกมฉลองครบรอบ 50 ปีนิตยสารการ์ตูนโชเน็นจัมป์ที่จับเอาการ์ตูนดังๆ ในค่ายมายำใหญ่ถึง 16+1 เรื่อง แถมยังขับเคลื่อนด้วย Unreal Engine 4 ที่ขึ้นชื่อว่าภาพสวยเป็นเลิศ แล้วที่สำคัญยังมีภาษาไทยให้อีกต่างหาก ตอนที่เปิดตัวเกมนี้นี่แฟนๆ แชร์คลิปกันทั่วเลยครับ และตั้งความหวังว่า มันต้องออกมาสุดยอดแน่ๆ

แต่พอเกมออกวางจำหน่าย แม้ว่ายอดขายจะออกมาไม่ขี้เหร่ คือติดอันดับ 1 ในสัปดาห์ที่วางจำหน่ายที่ญี่ปุ่น และทำยอดขายรวมในญี่ปุ่นไปเกือบสองแสนชุด (ถึงตอนนี้อาจจะเกินสองแสนไปแล้วก็ได้) แต่กระแสวิจารณ์กลับออกมาไม่เป็นดังคาด คนที่ชอบก็มี แต่คนที่ไม่ชอบก็เยอะ ซึ่งตัวผมก็ลังเลใจจนกระทั่งไม่ได้ซื้อตอนที่เกมออกใหม่ๆ แม้ว่าแรกๆ จะอยากได้มาก มาซื้อเอาก็ตอนที่มันลดราคาเหลือไม่กี่ร้อยนี่แหละ ถึงได้เวลาพิสูจน์เสียทีว่า มันจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า

อันที่จริง เกมรวมดาราการ์ตูนค่ายจัมป์นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ 30 ปี ก็มีเกม Jump World ที่ทำออกมาฉลองครบรอบ 20 ปีโชเน็นจัมป์ เป็นเกมแนว RPG เล่นบนเครื่องแฟมิคอม ที่แม้จะดูมั่วๆ กราฟฟิคจะดูประหลาดๆ (เมื่อเทียบกับสมัยนี้) แต่ก็ผูกเรื่องได้สนุก และทำให้เราเชื่อว่า การ์ตูนในจัมป์มันอยู่ร่วมในโลกเดียวกันได้จริงๆ แม้สเกลพลังจะต่างกันมากก็ตาม

ซาเอบะ นี่มีพลังพอซัดกับพวกเอเลี่ยนในดราก้อนบอลได้ด้วย

แต่สำหรับ JUMP FORCE นั้น กลับมีจุดอ่อนที่เนื้อเรื่อง ที่แทบจะไม่มีอะไรเลย อยู่ๆ ก็มีพวกวายร้ายชื่อเวน่อมบุกมา ตัวละครในจัมป์โดนจับมาอยู่โลกเดียวกัน ต้องสู้เพื่อช่วยเพื่อนไปเรื่อยๆ พล็อตเดินเป็นเส้นตรง ตีๆ กัน จบเกม โอเค มันคือเกมแนวแอคชั่น ที่อาจจะไม่ได้เน้นเนื้อเรื่องมากนัก แต่ในเมื่อผู้ผลิตดันชูเนื้อเรื่องเป็นจุดขาย และมันกลายเป็นจุดที่อ่อนที่สุด ก็เลยไม่แปลกใจที่จะโดนวิพากษ์หนักพอสมควร

ความอลังการถือเป็นจุดเด่นของเกมนี้

ในส่วนของเกมเพลย์นั้น ก็ออกแบบให้เล่นง่าย ต่อสู้แบบกลุ่ม 3 ตัว แต่ทั้ง 3 ตัวดันใช้เกจพลังร่วมกัน! และทุกตัวดันกดท่าเหมือนกันหมดอีก ก็เลยกดท่าปล่อยพลังได้ค่อนข้างง่าย ใครๆ ก็กดท่าใหญ่ติดได้ เลยเป็นเกมที่ค่อนข้างเล่นง่ายครับ แต่พอเล่นไปนานๆ จะรู้สึกว่า ตัวเกมมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย มันซ้ำๆ กันไปหมด เหมือนเล่นเพื่อดูกราฟฟิคสวยๆ ซึ่งฉากต่อสู้มันก็อลังการดีแหละ แค่คัทซีนนั้นกลับสอบตกอย่างแรง แม้จะออกแบบมาดี รายละเอียดลงลึกละเอียดถึงกระทั่งเนื้อผ้า แต่การขยับตัวในคัทซีนดันแข็งเหมือนหุ่นกระบอก ปากก็ขยับบ้างไม่ขยับบ้าง สีหน้าก็อารมณ์เดียวกันหมดอีก ที่สำคัญ คัทซีนเยอะ พูดเยอะ (แต่ไม่ค่อยมีประเด็นสำคัญ) แล้วดันโหลดเกมนานจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเกมยุคใหม่

มีตัวละครใหม่ ออกมาเป็น DLC อยู่เรื่อยๆ

ซึ่งทั้งหมดนี้ คนเล่นคงไม่หงุดหงิดมาก ถ้าเกมมันขายในราคาปกติ แต่เนื่องจากตัวเกมเปิดตัวด้วยราคาค่อนข้างสูงในระดับเดียวกับเกม AAA คนเลยบ่นกันมากเป็นพิเศษ (เพราะหวังไว้มาก) แต่พอถึงตอนนี้ราคาเกมก็ปรับลงไปมากแล้ว ตัวผมก็ซื้อมาในราคาที่ลดกว่า 60% ก็เลยรู้สึกว่า มันก็พอเล่นได้สนุกๆ นะ แม้จะแอบหงุดหงิดอยู่บ้างที่คาแรกเตอร์ที่อยากเล่นบางตัว มันดันไปอยู่ใน DLC (แถมไอ้ตัวที่ควรมีอย่างดาบพิฆาตอสูรก็ไม่มี) แต่ก็ถือว่า ซื้อเป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ 50 ปีโชเน็นจัมป์ละกันครับ

ปล.เดือนหน้า(สิงหาคม 2520) Jump Force จะกลับมาลงเครื่อง Switch และมีภาษาไทยด้วย! ก็น่าจะมีคนพูดถึงเกมนี้เยอะอีกครั้ง (คิดว่านะ)