เมื่อต้นปีที่แล้ว JUMP FORCE ถือเป็นเกมที่สร้างความฮือฮาในวงการเกมไม่น้อย เพราะมันเป็นเกมฉลองครบรอบ 50 ปีนิตยสารการ์ตูนโชเน็นจัมป์ที่จับเอาการ์ตูนดังๆ ในค่ายมายำใหญ่ถึง 16+1 เรื่อง แถมยังขับเคลื่อนด้วย Unreal Engine 4 ที่ขึ้นชื่อว่าภาพสวยเป็นเลิศ แล้วที่สำคัญยังมีภาษาไทยให้อีกต่างหาก ตอนที่เปิดตัวเกมนี้นี่แฟนๆ แชร์คลิปกันทั่วเลยครับ และตั้งความหวังว่า มันต้องออกมาสุดยอดแน่ๆ
![](https://borkormee.com/wp-content/uploads/2020/07/TMqQzAdGMkVmLUgTtQzg8Y-1024x576.jpg)
แต่พอเกมออกวางจำหน่าย แม้ว่ายอดขายจะออกมาไม่ขี้เหร่ คือติดอันดับ 1 ในสัปดาห์ที่วางจำหน่ายที่ญี่ปุ่น และทำยอดขายรวมในญี่ปุ่นไปเกือบสองแสนชุด (ถึงตอนนี้อาจจะเกินสองแสนไปแล้วก็ได้) แต่กระแสวิจารณ์กลับออกมาไม่เป็นดังคาด คนที่ชอบก็มี แต่คนที่ไม่ชอบก็เยอะ ซึ่งตัวผมก็ลังเลใจจนกระทั่งไม่ได้ซื้อตอนที่เกมออกใหม่ๆ แม้ว่าแรกๆ จะอยากได้มาก มาซื้อเอาก็ตอนที่มันลดราคาเหลือไม่กี่ร้อยนี่แหละ ถึงได้เวลาพิสูจน์เสียทีว่า มันจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า
![](https://borkormee.com/wp-content/uploads/2020/07/jump-force-1112190011438-1024x576.jpg)
อันที่จริง เกมรวมดาราการ์ตูนค่ายจัมป์นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ 30 ปี ก็มีเกม Jump World ที่ทำออกมาฉลองครบรอบ 20 ปีโชเน็นจัมป์ เป็นเกมแนว RPG เล่นบนเครื่องแฟมิคอม ที่แม้จะดูมั่วๆ กราฟฟิคจะดูประหลาดๆ (เมื่อเทียบกับสมัยนี้) แต่ก็ผูกเรื่องได้สนุก และทำให้เราเชื่อว่า การ์ตูนในจัมป์มันอยู่ร่วมในโลกเดียวกันได้จริงๆ แม้สเกลพลังจะต่างกันมากก็ตาม
![](https://borkormee.com/wp-content/uploads/2020/07/Jump-Force-Screen-1-1024x576.jpg)
แต่สำหรับ JUMP FORCE นั้น กลับมีจุดอ่อนที่เนื้อเรื่อง ที่แทบจะไม่มีอะไรเลย อยู่ๆ ก็มีพวกวายร้ายชื่อเวน่อมบุกมา ตัวละครในจัมป์โดนจับมาอยู่โลกเดียวกัน ต้องสู้เพื่อช่วยเพื่อนไปเรื่อยๆ พล็อตเดินเป็นเส้นตรง ตีๆ กัน จบเกม โอเค มันคือเกมแนวแอคชั่น ที่อาจจะไม่ได้เน้นเนื้อเรื่องมากนัก แต่ในเมื่อผู้ผลิตดันชูเนื้อเรื่องเป็นจุดขาย และมันกลายเป็นจุดที่อ่อนที่สุด ก็เลยไม่แปลกใจที่จะโดนวิพากษ์หนักพอสมควร
![](https://borkormee.com/wp-content/uploads/2020/07/8hxoq4-1024x576.jpg)
ในส่วนของเกมเพลย์นั้น ก็ออกแบบให้เล่นง่าย ต่อสู้แบบกลุ่ม 3 ตัว แต่ทั้ง 3 ตัวดันใช้เกจพลังร่วมกัน! และทุกตัวดันกดท่าเหมือนกันหมดอีก ก็เลยกดท่าปล่อยพลังได้ค่อนข้างง่าย ใครๆ ก็กดท่าใหญ่ติดได้ เลยเป็นเกมที่ค่อนข้างเล่นง่ายครับ แต่พอเล่นไปนานๆ จะรู้สึกว่า ตัวเกมมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย มันซ้ำๆ กันไปหมด เหมือนเล่นเพื่อดูกราฟฟิคสวยๆ ซึ่งฉากต่อสู้มันก็อลังการดีแหละ แค่คัทซีนนั้นกลับสอบตกอย่างแรง แม้จะออกแบบมาดี รายละเอียดลงลึกละเอียดถึงกระทั่งเนื้อผ้า แต่การขยับตัวในคัทซีนดันแข็งเหมือนหุ่นกระบอก ปากก็ขยับบ้างไม่ขยับบ้าง สีหน้าก็อารมณ์เดียวกันหมดอีก ที่สำคัญ คัทซีนเยอะ พูดเยอะ (แต่ไม่ค่อยมีประเด็นสำคัญ) แล้วดันโหลดเกมนานจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเกมยุคใหม่
![](https://borkormee.com/wp-content/uploads/2020/07/Vqllbk-1024x576.jpg)
ซึ่งทั้งหมดนี้ คนเล่นคงไม่หงุดหงิดมาก ถ้าเกมมันขายในราคาปกติ แต่เนื่องจากตัวเกมเปิดตัวด้วยราคาค่อนข้างสูงในระดับเดียวกับเกม AAA คนเลยบ่นกันมากเป็นพิเศษ (เพราะหวังไว้มาก) แต่พอถึงตอนนี้ราคาเกมก็ปรับลงไปมากแล้ว ตัวผมก็ซื้อมาในราคาที่ลดกว่า 60% ก็เลยรู้สึกว่า มันก็พอเล่นได้สนุกๆ นะ แม้จะแอบหงุดหงิดอยู่บ้างที่คาแรกเตอร์ที่อยากเล่นบางตัว มันดันไปอยู่ใน DLC (แถมไอ้ตัวที่ควรมีอย่างดาบพิฆาตอสูรก็ไม่มี) แต่ก็ถือว่า ซื้อเป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ 50 ปีโชเน็นจัมป์ละกันครับ
ปล.เดือนหน้า(สิงหาคม 2520) Jump Force จะกลับมาลงเครื่อง Switch และมีภาษาไทยด้วย! ก็น่าจะมีคนพูดถึงเกมนี้เยอะอีกครั้ง (คิดว่านะ)